“สิระ” เผยแก๊ง 4 คนบนเรือต่อสายด่วนถึง “กระติก” หลังกลับลำสารภาพ
ยังคงต้องตามกันต่อกับคดีการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” หลังจากที่เพื่อนสาวคนสนิท “กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์” ออกมาสารภาพว่าให้การเท็จกับตำรวจ จนทำให้สังคมสงสัยว่าให้การเท็จเรื่องอะไร และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือเรื่อง “สิระ เจนจาคะ” เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายได้ยังไง เรื่องราวจะเป็นยังไงไปติดตามรับชมกัน
วันนี้ ( 5 เม.ย. 65 ) สิระ เจนจาคะ อดีตประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมฯ สภาผู้แทนราษฏร ได้มาเผยความเห็นเรื่อง “กระติก” รับสารภาพว่าให้การเท็จกับตำรวจ ผ่านรายการ ถกไม่เถียง โดยมีความเห็นว่า
“จุดเริ่มต้น พ่อคุณกระติกประสานมาให้ไปเป็นที่ปรึกษา เหตุผลที่เขาเลือกเพราะว่าเป็นคนทำงานไม่เกรงใจใคร แม้แต่ประชาชนมีเรื่องกับส.ส.ก็ต่อสู้จนได้คำขอโทษจากส.ส.มา จากนั้นได้มีการประชุมหารือข้อเท็จจริงกัน ซึ่งในประเด็นที่แตงโมไปฉี่ท้ายเรือ กระติกได้เล่าว่าก่อนลงเรือทุกคนเข้าห้องน้ำยกเว้นคุณแตงโม และยังยืนยันว่าเขาไม่เห็นตอนคุณแตงไปฉี่ท้ายเรือแล้วตกเรือ เพราะนั่งอยู่ข้างหน้า ส่วนคนที่ให้พูดว่าแตงโมไปฉี่ท้ายเรือ นั้นคือ 1 ในกุนซือด้านกฎหมาย โดยทั้งหมดอยู่ในสำนวนแล้ว หลังจากมีการเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาคุณกระติกรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก และได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อคดีที่โดยเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในสำนวน
เมื่อวานหลังจากแถลงเสร็จมี 1 ใน 4 คนบนเรือเป็นผู้ชาย โทรมาหาตนว่าไปให้การอะไรยังไง เหมือนร้อนตัว จึงอยากจะบอกว่าให้ติดต่อมาจะช่วยให้ไปในทางที่ถูกต้อง อยากฝากบอกให้คนที่ยังไม่พูดความจริงให้พูดความจริง และอย่าใช้กฎหมายไปในทางที่ผิดอยากให้มีคุณธรรม”
วิวัฒน์ สมบัติหลาย หรือทนายกบ ทนายความของกระติก ให้ความเห็นว่า “เบื้องต้นได้สอบถามข้อเท็จจริงอันเป็นจริง และข้อเท็จจริงที่เป็นความเท็จ เราก็ได้ความว่าอันไหนจริงไม่จริง ซึ่งตัวกระติกเองก็อยากสารภาพ ส่วนเรื่องที่พูดเท็จก็คือ เรื่องจำนวนเครื่องดื่ม ซึ่งระหว่างอยู่บนเรือก็มีการดื่มกันตลอดเวลา และอีกเรื่องคือเรื่องระยะเวลาที่อยู่บนเรือ ซึ่งหลังจากลงจากเรือได้มีกลุ่มคนที่คิดจะเอาตัวรอดกลัวความผิด จึงได้ปรึกษาหารือผู้รู้กฎหมายกลุ่มหนึ่ง และมีการแนะนำให้พูดไปในทางเดียวกัน สำหรับเรื่องอื่นขอให้อยู่ในสำนวนการสืบสวน นอกจากนี้เรื่องการทำงานการใช้ชีวิต ปกติแล้วคุณกระติกเป็นพนักงานประจำของบริษัทฯแห่งหนึ่ง หลังจากเกิดเหตุทางบริษัทฯก็ได้ให้ทำงานที่บ้าน”
ด้าน นาย เกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล พ่อของกระติก ได้เผยถึงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ดังกล่าว “ในเรื่องผลกระทบ มุมมองของตนคิดว่า ตำรวจ นักข่าว เขาก็ทำงานของเขาไป สังคมโซเชียลก็มโนกันไปเรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้าง หลายคนก็ใช้แตงโมในการหาเงิน หลายคนก็ใช้กระติกระบายอารมณ์ทั้งที่เขายังไม่มีการตัดสินว่าผิด ที่ตนพูด พูดในฐานะคนบริโภคสื่อคนหนึ่งที่มีสติ คนเสพข่าวเขาจะคิดยังไงก็เรื่องของเขา จะให้ตนไปทะเลาะมันคงไม่เกิดประโยชน์ สำหรับเรื่องกุนซือตนมาทราบตอนเรื่องเป็นข่าวใหญ่โต จึงบอกว่าทำไมไปเชื่อแนะหละ หลังจากนั้นก็เป็นข่าวว่าให้การเท็จจึงได้ไปปรึกษาทนายกบ ส่วนเรื่องว่ายน้ำยืนยันว่ากระติกว่ายน้ำไม่เป็น คนว่ายน้ำเป็นกับว่ายน้ำได้มันต่างกัน ตัวกระติกเองถ้าน้ำตื้นหนะว่ายได้ แต่ถ้าเจอน้ำลึกจะไม่กล้าเลย”