“ติ๊งโน้ต” ไดเร็คหา “บุ๋ม ปนัดดา” หลังไม่เจอกัน 10 กว่าปี
บอกเลยว่าจะเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของวงการหนังไทย ที่เอาตัวละครจริงที่ยังมีชีวิต มารับบทเป็นตัวเองในภาพยนตร์ กับเรื่อง “Hard Ride บิด ดิบ เดือด” ที่กำกับโดย “เกียรติศักดิ์ ศรีราษฏรโนนสูง” ซึ่งจะเป็นเรื่องราวกึ่งชีวประวัติของนักแข่งรถระดับประเทศอย่าง “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” ร่วมด้วยอะตอม ภัคจิรา, เบนซ์ เรซซิ่ง และตัวละครลับที่รับรองบอกไปต้องเซอร์ไพร์ส ที่มาในฐานะ “นักแสดงรับเชิญ” จากชีวิตจริงสู่แผ่นฟิล์มอย่าง “บุ๋ม ปนัดดา” เพราะถ้าพูดตามตรงว่าทั้งคู่ในฐานะ “อดีตคนเคยรัก” แต่ในเมื่ออดีตแฟนต้องมาเจอกัน รับรองคนดูจะอินแค่ไหน? ซึ่งนักแสดงนำของเรื่องอย่าง “ติ๊งโน้ต” ก็ได้เปิดใจถึงวินาที่ที่ไดเร็คไปชวนอดีตแฟนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้
ตอนนี้ถ่ายไปประมาณ 30% แล้ว ซึ่งเป็นอะไรที่แบบใหม่สำหรับผมมาก ปกติเราจะเป็นแค่รับเชิญ แต่เรื่องนี้โชคดีตรงที่ว่าเราเล่นเป็นตัวเอง ก็เลยไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย เพราะบางฉากบางซีนมันต้องใช้แอ็คติ้งมาก ซึ่งเราก็ไม่ได้ถนัดสักเท่าไร แต่โชคดีที่ทุกๆ คนช่วยกันบิ้ว แต่ว่าก็ทำไปทำมาก็ทำได้ เพราะพอถ่ายเสร็จ เราก็ไปดู ยังถามว่านี่ตัวเราเองเหรอ แต่ตั้งแต่ถ่ายมายังไม่มีแกขับรถเลย ส่วนมากจะเป็นดรามา เป็นซีนชีวิตซะมากกว่า
ซึ่งตอนแรกมันเป็นหนักเกี่ยวกับรถแข่ง แต่มันก็จะหักมุมมีดรามาเข้ามาเสริมเข้ามา เพราะมันไม่ใช่หนังชีวิต แต่ก็จะมีการเพิ่มเข้าไปให้ทุกคนได้ดูในมุมมองที่หลากหลาย ต่างประเทศดูได้ เพราะเรายังมีส่วนในการพัฒนาบทไปด้วยอย่างที่ทุกคนทราบกันว่าก่อนหน้านี้มันจะออกแนวสารคดี ถ้าเราทำแบบนั้นมันจะไม่แมทช์ชิ่งกับประเทศไทย ซึ่งเราก็ใส่ความเป็นบันเทิงเข้ามาให้ออกมาเป็นแบบฉบับหนังเรื่องนึงเลย ซึ่งถามว่าบางฉากบางตอนมันแว่บๆ เหมือนชีวิตเราไหม มันก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ได้ 100% ซะขนาดนั้น เพราะตอนแรกเค้าโครงเรื่องมันมาจากตัวเราก็จริง แต่ทำไปทำมามันไม่ใช่แหละ แต่ก็มีแค่ในช่วงชีวิตของเราบางส่วนเข้าไปอยู่ในหนังเรื่องนี้ อยากให้มันสนุกมากขึ้นกว่าเดิม
และก็เพิ่งไดเร็คไปช่วยเขามาเล่น (บุ๋ม ปนัดดา) เขาก็บอกว่ายินดีเลย โอเคย ให้ส่งบทมาให้เขาอ่าน ถ่ายวันไหนก็บอกมา แต่ก็ยังไม่ถึงวันถ่าย ซึ่งในบทของเขาก็มาแบบสวยๆ เลย ในพาสตอนเราขับรถ ประมาณว่าครั้งก่อนเราเคยเจอกันยังไง (อันนี้มันคือในส่วน 30% ที่เป็นเรื่องจริงจากชีวิตของเราเอง?) เออ..ถ้าย้อนกลับไปมันก็ใช่ แต่เรายังไม่รู้ว่าจริงๆ มันจะยังไง เพราะยังไม่ได้ถ่าย ซึ่งย้อนกลับไปตอนที่จะไดเร็คไปหาเขา เราก็เกร็งๆ เหมือนกันนะ แต่เพื่อส่วนรวม เพื่อความสมบูรณ์ของหนัง เราจึงลองไดเร็คไป ซึ่งถ้าเขาไม่ตอบรับหรือว่ายังไง มันก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่การที่เขามาร่วมเล่น ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดี การที่เราอยากให้เขามาอยู่ในซีน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะฉากเขาไม่ได้เยอะมาก แต่เป็นอะไรที่น่าจดจำ ซึ่งไม่ได้เจอเขา มาเป็น 10 กว่าปีแล้ว และการที่เลือกเขามาเล่น เพราะหนังเรื่องนี้มีโอกาสทำทั้งที ก็อยากให้คนที่เรารู้จัก เคยใช้ชีวิตมาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนก็ดี พี่ๆ น้องๆ ที่เคยผ่านการใช้ชีวิตมาด้วยกันอย่าง เบนซ์ เรซซิ่งก็เป็นเพื่อนกันมานาน ก็มาอยู่ในหนังเรื่องนี้เหมือนกัน