“นนกุล” รู้สึกอิ่มในรักบริสุทธิ์ที่ ”แอฟ ทักษอร” มอบให้
เปิดใจแบบลึกซึ้ง! ของพระเอกหนุ่มหน้าใส “นนกุล ชานน สันตินธรกุล” ในรายการ WOODY FM เล่าชีวิตที่เป็น Introvert ไม่ชอบเข้าหาใคร ด้านหัวใจรู้สึกอิ่มในความรักบริสุทธิ์ที่ “แอฟ ทักษอร” มอบให้
เพิ่งทราบว่าคุณเป็น Introvert ?
นนกุล : เป็นครับ ผมชอบว่านั่งทำแบบทดสอบ MBTI ซึ่งก็ได้ I ทุกครั้ง แล้วก็สังเกตุธรรมชาติตัวเองนะครับว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าหาใคร แล้วก็ไม่พยายามด้วย และไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเดือดร้อนอะไรด้วย ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่หลายๆ คน ไปผับก็จะไม่ค่อยชอบไปคุยกับใคร คุยตามมารยาทได้ แต่ถ้าเกิดอยู่คนเดียวผมทำทุกอย่างเองได้หมด ดูหนัง กินข้าว ฟิตเนส สบายมากครับ
การเปิดใจให้ใครหรืออยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนๆ หนึ่ง สำหรับคนที่เป็น Introvert เอาพลังงานจากไหนมาคุย ?
นนกุล : ผมว่านิสัยส่วนตัวมันไม่สามารถสู้สัญชาตญาณดิบเถื่อนของมนุษย์ได้ สุดท้ายแล้วผมมองว่ามนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคมอยู่ดี เราก็คงอยากมีคู่อยากอะไรแบบนี้ เราจะเหนื่อยเวลาคนคุยเยอะๆ เพราะฉะนั้นเป็นข้อได้เปรียบของ Introvert ตรงที่ว่าพอเราเหนื่อยที่จะคุยกับคนเยอะๆ เราก็ขอแค่คุยกับคนๆ นี้แค่คนเดียว แล้วเราก็พอแล้ว จริงๆ ผมก็ไม่รู้จะตอบพี่วู้ดดี้ยังไง มันคงเป็นแค่ความก็เขาน่ารักดี สวยดี ฉันอยากอยู่ด้วยกับเขา ไม่มีอะไรซับซ้อน
แล้วพลังงานที่ได้กลับมาจาก แอฟ ทักษอร เป็นแบบไหน ?
นนกุล : ผมรู้สึกว่าความรักพี่เขามันบริสุทธิ์มาก หมายความว่ามันมีความรู้สึกบางอย่างที่ผมสัมผัสจากพี่เขาแล้วได้รับความรักจากผู้หญิงที่เด็กและโตในเวลาเดียวกัน มันบริสุทธิ์เหมือนเด็กมากๆ ในขณะเดียวกันก็มีเชิงเหมือนผู้ใหญ่ ถ้าชอบอะไรก็บอกว่าชอบ แล้วถ้าเกิดเขาบอกว่ารู้สึกดีกับผมเขาก็พูดแบบใสมากๆ จนบางทีเรายังตกใจเลย รู้สึกว่าพี่เขาก็มีประสบการณ์ความรักมากกว่าผมเยอะเลย แต่ว่าทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นคนที่เชื่อในความรักที่ดีอยู่เหมือนเดิมเลย และก็ยังคงมอบให้กับผม ซึ่งตรงนี้เวลาได้รับแล้วผมรู้สึกอิ่มมากๆ ครับ
เวลาที่ใช้ชีวิตด้วยกันสิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันลงตัวสำหรับคุณคืออะไร การสื่อสารหรือว่าแค่การมีกันและกัน ?
นนกุล : ผมว่าก็น่าจะบวกๆ กันไป แต่สุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรเพอร์เฟคหรอก เช่น การสื่อสารบางทีเราก็สื่อสารไม่ได้ 100% ทุกครั้ง แต่ถ้าส่วนใหญ่ก็น่าจะอยู่ด้วยกันและกัน
เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องบอกไหมว่าจะไปไหนอะไรยังไง ?
นนกุล : ไม่เลยครับ มีอิสระแต่ว่าเหมือนเป็นการพูดเพื่อแบบชวนคุย ไม่ได้แบบรายงาน แต่ว่าสุดท้ายแล้วพอเราคุยกันตอนหัวค่ำในแต่ละวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมคุยกับพี่แอฟว่าก็ต้องมีนะเป็นรูทีน ก็จะมีคำถามปิดจบอยู่แล้วครับว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง เพราะเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมรู้สึกว่าการที่เราได้คุยกันอย่างน้อยทีละนิดที่ละหน่อยในแต่ละวันมันก็ดี ที่ผมอยากให้เป็นกลางคืนก็เพราะว่ามันเป็นช่วงสุดท้ายของวัน ได้เสร็จสรรพอะไรเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ตอนกลางวันที่บางทีเรารีบๆอยู่ แล้วจะได้ตั้งใจฟังซึ่งกันและกันจริงๆ ว่าวันนี้เราทำอะไรมาบ้าง ที่ตั้งใจให้เป็นรูทีนเพราะถ้ายิ่งทะเลาะหรืออะไรกันอยากให้จบภายในวันนั้นเลยไม่ข้ามวัน