เรื่องย่อละคร "บ้านศิลาแดง"

เรื่องย่อละคร "บ้านศิลาแดง"

3

เรื่องย่อละคร "บ้านศิลาแดง"

         “เพ็ญพร” หรือ “เพ็ญ” หญิงสาวสวยปราดเปรียว ทายาทของเจ้าของบริษัท สวนเสาวรส ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตมะพร้าวผงส่งนอก และส่วนผสมในการชงกาแฟทั้งหลาย เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยหลังจากจบวิชาบริหาร และด้วยความที่ชอบวิชาการต่อสู้ทุกชนิด เพ็ญพรก็กลับมาพร้อมวิชาการต่อสู้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นคาราเต้,เทควันโด้,ยิงปืน ฯลฯ และเที่ยวนี้เธอกลับมาพร้อมกับสุดา เพื่อนรักที่เดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกามาด้วยกัน ย่างก้าวแรกที่กลับมาถึงเมืองไทย เพ็ญพรก็ได้พบกับเดือนฉาย ผู้เป็นแม่มารอรับอยู่ที่สนามบิน  และคลาดกันกับ สโรชาและอาภาพร  ซึ่งเดินออกมาจากสนามบิน เช่นกัน เพ็ญพรเหยียบเมืองไทยได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็เกือบไปมีเรื่องกับตรัย ซึ่งตรัยเองก็เข้าใจผิดคิดว่าเพ็ญพรนั้น เป็นพรเพ็ญ ทางด้านบ้านศิลาแดง เมื่ออาภาพรเข้ามาถึงบ้านศิลาแดง  ก็หาเรื่องแกล้งพรเพ็ญด้วยความหมั่นไส้  พรเพ็ญไม่โต้ตอบแต่อย่างใด มีเพียงป้าแจ่มที่คอยแต่จะให้กำลังใจ ถึงแม้จะปกป้องอะไรไม่ได้มาก  พรเพ็ญต้องอดทนอยู่ในบ้านศิลาแดง เพราะเอกสิทธิ์ผู้เป็นพ่อคนเดียวเท่านั้น

          เมื่อกลับถึงบ้านที่ “สวนเสาวรส” เพ็ญพรรีบเข้าไปหา “เคน” ซึ่งเป็นตา ทั้งตาและหลานพูดคุยล้อเล่นกันสนุกสนานตามประสาตาหลานที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี  เพ็ญพรมีลูกน้องอยู่คนหนึ่งคือ กอล์ฟ ซึ่งเป็นเด็กในสวนเสาวรส เคนเป็นคนเก็บเอากอล์ฟมาเลี้ยง เพราะสงสารที่ไม่มีพ่อ มีแต่แม่ซึ่งเป็นคนงานในไร่ โดยกอล์ฟจะเป็นลูกไล่ และโดนเพ็ญพรแกล้งอยู่เป็นประจำ แต่ก็มักจะแกล้งด้วยความเอ็นดู เพราะกอล์ฟเป็นเด็กอ้วนน่ารัก เสียแต่ปากไม่ค่อยดีนัก พูดจาโผงผาง เพ็ญพรจึงมักจะหาเรื่องมาแกล้งกอล์ฟอยู่เสมอ  โดยที่กอล์ฟก็จะหาทางแก้เผ็ดเพ็ญพรอยู่เสมอเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็โดนจับได้และโดนเพ็ญพรเล่นงานจนเจ็บแสบกลับไปทุกครั้ง แต่แม้ว่าทั้งคู่จะแกล้งกันไปมาเป็นประจำ แต่ลึกๆ ทั้งเพ็ญพรและกอล์ฟก็รักและห่วงกันเหมือนพี่สาวกับน้องชายเพ็ญพรชวนกอล์ฟ  เข้าตลาด มาหาของกินอร่อยๆ แต่ก็บังเอิญไปเจอพวกโจรกระชากสร้อย เพ็ญพรมองแบบไม่อยากมีเรื่อง แต่ก็โชว์ฝีไม้ลายมือแบบไม่ยั้ง จนเอาสร้อยมาจากโจร ส่งคืนให้กับเจ้าของได้  วิทวัสมาเจอกับเพ็ญพรโดยบังเอิญ ในคราบของแม่ค้าขายปาท่องโก๋ แค่การพบกันครั้งแรก ทั้งคู่ก็ได้ปะทะคารมกันอย่างถึงพริกถึงขิงเพ็ญพรไม่ชอบขี้หน้าวิทวัสอย่างแรง  แต่ก็ไม่ทันข้ามวันเพ็ญพรต้องเจอกับวิทวัสอีก ที่บ้านสวนเสาวรส   เพ็ญพรถึงกับอึ้งที่รู้ว่า ต้องเจอกับวิทวัส ในฐานะที่ทำธุรกิจร่วมกันทั้งเพ็ญพรและวิทวัสมีโอกาสพบกันอีกหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งทั้งคู่ก็อดที่จะแกล้งให้อีกฝ่ายเจ็บใจไม่ได้ จนกลายเป็นเหมือนขมิ้นกับปูนกันเลยทีเดียว 

       หลังจากที่เอกสิทธิ์กลายเป็นอัมพาตต้องนอนอย่างเดียว พูดอะไรไม่ได้ สโรชาปล่อยให้เอกสิทธิ์มีชีวิตอยู่ เพราะถ้าเอกสิทธิ์ตายสมบัติทั้งหมดก็ต้องตกอยู่กับลูกสาว เธอปล่อยให้เอกสิทธิ์มีชีวิตอยู่อย่างคนที่มีแต่ร่างแต่ไร้วิญญาณ และคอยรับหน้าทนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับมรดกและทรัพย์สินทั้งหมดของบ้านศิลาแดง โดยคอยเป็นทำดีต่อหน้าทนายสมศักดิ์ว่าเป็นห่วงเป็นใย คอยดูแลเอกสิทธิ์ที่นอนป่วยอยู่เป็นอย่างดี แต่พอทนายสมศักดิ์กลับไป ก็ปล่อยให้เอกสิทธิ์อยู่แบบคนอนาถา มีเพียงพรเพ็ญคนเดียวที่คอยดูแลพ่อของเธอเชาว์เข้ามาครอบครองบ้านศิลาแดงโดยเปิดเผย ด้วยการเป็นสามีเก่าของสโรชา เชาว์นั้นมีลูกกับสโรชา 2 คนคือ “ณัฐพงษ์”    และ “อาภาพร” แต่เชาว์ก็ไม่ได้เข้ามาเพียงคนเดียว เชาว์พาวาทินีเมียเด็กของเขาเข้ามาด้วย เลยทำให้สโรชา และอาภาพรไม่พอใจ แต่สโรชาก็ต้องยอมให้เชาว์พาวาทินีเข้ามา เพราะสโรชายังต้องพึ่งเชาว์

        อยู่ดีสิบเจ็ดปีผ่านไป เดือนฉายกลายเป็นเศรษฐีนีเจ้าของโรงงานผงมะพร้าวสกัดแห้งกระป๋องสำเร็จรูป ขยายกิจการจนรุ่งเรือง เพราะทางราชการตัดถนนผ่านสวนเสาวรสของเคน ทำให้มีเงินขยายกิจการสวนมะพร้าวและซื้อที่ดินแถบนั้นอีกหลายร้อยไร่ เธอมุมาะทำธุรกิจนี้จนประสบความสำเร็จ โดยมีเคนเป็นคนช่วยดูแลธุรกิจให้เธอ ส่วนเพ็ญพรนั้นเรียนทางด้านบริหารธุรกิจจบมาจากเมืองนอก และในขณะเดียวกันก็เรียนศิลปะการต่อสู้มาหลายแขนง เพราะคุณตาของเธอคือ “เคน” ที่คอยสอนการต่อสู้ให้เธอตั้งแต่เด็กๆ จนกลายเป็นความชอบของเพ็ญพร 

และเมื่อมีโอกาสเพ็ญพรก็จะหาเวลาไปเรียนวิชาการต่อสู้ต่างๆ จากหลายอาจารย์จนเกิดความช่ำชองในด้านนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าเดือนฉายจะไม่เห็นด้วยในการให้ลูกผู้หญิงไปเรียนวิชาพวกนี้ แต่ก็มีเคนที่คอยพูดและแนะว่าลูกผู้หญิงควรจะรู้จักวิชาพวกนี้เอาไว้ป้องกันตัวบ้าง เพ็ญพรเป็นสาวสวยที่ฉลาดเป็นกรด แก่นแก้ว และไม่ยอมคน ในขณะเดียวกันการเรียนก็ดี ทำให้เดือนฉายโล่งใจในเรื่องนี้ไปได้ แถมยังเรียนวิชาการแต่งหน้าเปลี่ยนตัวเองไปได้หลายบุคลิกด้วย

            ส่วนพรเพ็ญนั้นเติบโตขึ้นมาในบ้านศิลาแดงเหมือนคนรับใช้ ได้เรียนแค่มัธยม ปีที่  3 เท่านั้น เพราะสโรชาไม่ต้องการให้เธอฉลาดนัก และไม่ต้องการให้พรเพ็ญทัดเทียมกับณัฐพงษ์และอาภาพรลูกทั้งสองของเธอ แถมยังกดขี่ข่มเหงพรเพ็ญตลอดเวลา ใช้ให้ทำงานเยี่ยงทาส ในขณะ   เดียวกันก็เอาเอกสิทธิ์ไปอยู่ห้องเล็กซึ่งเป็นห้องของพรเพ็ญ เพราะว่าป่วยเป็นอัมพาตไม่สามารถทำอะไรได้ ปล่อยให้อยู่โดยไม่มีใครเหลียวแล มีเพียงพรเพ็ญที่มาดูแลพ่อของตนเพียงคนเดียว แต่ก็โดนด่าอยู่ตลอด พรเพ็ญได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านศิลาแดงเพราะเธอห่วงพ่อของเธอ ถ้าเธอหนีไปเมื่อไร พ่อของเธอก็จะไม่มีคนดูแล และอาจต้องตายเหมือนคนไร้ญาติขาดมิตร ณัฐพงษ์โตขึ้นเป็นหนุ่มหน้าตาดี แม้จะเรียนเก่งแต่ก็ขี้เกียจ เอาแต่เที่ยวและติดหรู เจ้าชู้เหมือนเชาว์ผู้เป็นพ่อ ไม่ยอมทำงานอะไรถึงแม้จะเรียนจบแล้ว เที่ยวเตร่ไปวันๆ  ส่วนอาภาพรนั้นไม่ค่อยสนใจการเรียนจึงเรียนไม่จบ แต่ก็ชอบคุยอวดเพื่อนๆ ว่าไม่อยากเรียนจบในเมืองไทย จะไปเรียนต่อเมืองนอก ณัฐพงษ์พึงพอใจในตัวพรเพ็ญมากเพราะเธอเป็นคนสวย และมักจะพูดจาแทะโลมพรเพ็ญเสมอเมื่อลับตาคนอื่น ส่วนอาภาพรนั้นรูปร่างหน้าตา ก็สะสวย แต่งตัวเก่ง แต่ก็อิจฉาที่พรเพ็ญนั้นถึงแม้จะไม่ได้แต่งตัว แต่ก็สวยกว่าเธอ เธอจึงมักจะข่มเหงและดูถูกพรเพ็ญเสมอ พรเพ็ญนั้นก็ทำได้แค่ปัดป้องตัวเองไม่ให้บาดเจ็บเท่านั้น ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ ส่วนเชาว์นั้นก็เริ่มเห็นว่าพรเพ็ญกลายเป็นสาวแล้ว และด้วยความเจ้าชู้ของตน เขาหมายใจเอาไว้ว่าสบโอกาสเหมาะเมื่อไรก็จะปล้ำพรเพ็ญเป็นเมียอีกคนให้ได้ แต่ก็หาโอกาสได้ยาก เพราะว่าเมียทั้งสองคือวาทินีและสโรชายังอยู่ที่บ้านทั้งสองคน 

                 เพ็ญพรเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เป้าหมายแรกของเธอคือสุดา สุดาดีใจที่พบเพ็ญพร อีกครั้งและชวนให้พักที่บ้านของเธอ  แต่เพ็ญพรอยากพักโรงแรมมากกว่า และในใจแล้วยังไม่อยากพบตรัยด้วย เพราะยังอดหมั่นไส้ในความขี้เต๊ะของเขาไม่หาย เพ็ญพรเล่าเรื่องที่เธอจะมาสืบหาพี่สาวฝาแฝดของเธอ สุดารับปากว่าจะให้ความช่วยเหลือ และเป็นคนออกความคิดให้เพ็ญพรปลอมเป็นสาวมิสทีน เพ็ญพรปลอมตัวใส่วิก แต่งหน้าจนจำไม่ได้เป็นพนักงานขายเครื่องสำอางค์เข้าไปขายในบ้านศิลาแดง พบอาภาพรก็จำได้ว่าเป็นสาวที่ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ “ตรัย” จึงคิดแกล้ง และด้วยฝีปากของเพ็ญพรทำให้อาภาพรชอบใจเครื่องสำอางค์ที่เธอเสนอขาย แต่เพ็ญพรก็อ้างว่าหมด และจะนำมาให้ดูอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น และในระหว่างที่ขายของให้อาภาพรนั้น เพ็ญพรก็ได้พบกับพรเพ็ญ เพราะอาภาพรสั่งให้พรเพ็ญเอาน้ำมาเสิร์ฟให้เธอ และยังเห็นว่าวาทินีและสโรชานั้นข่มพรเพ็ญเหมือนทาสก็ไม่ปาน ทำให้เพ็ญพรโมโหจนเกือบเก็บอาการไม่ได้ เพ็ญพรมองหาช่องทางในการเข้ามาในบ้านศิลาแดง และก่อนกลับเธอก็พบกับเชาว์ที่เข้าบ้านมาพอดี เชาว์มองดูเธอเหมือนเสือจ้องขม้ำเหยื่อ และเพ็ญพรก็ทำเป็นอ่อยเหยื่อให้กับเชาว์แทน จนทำให้เชาว์แทบหัวปั่นในรูปร่างหน้าตาของเธออ เพ็ญพรไปหาสุดาที่บ้านเล่าเรื่องทั้งหมดเล่าให้สุดาฟัง สุดาเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเพ็ญพร เพ็ญพรมีแผนจะเปลี่ยนตัวกับพรเพ็ญ และต้องการสืบเรื่องพ่อของเธอด้วย

    
          อาภาพรนั้นมักจะชวนให้ตรัยมาทานข้าวที่บ้านเป็นประจำ เมื่อตรัยได้พบกับพรเพ็ญก็นึกชอบ เพราะว่าพรเพ็ญเป็นคนสวยน่ารัก แต่ก็มักจะโดนอาภาพรกีดกันบอกว่าพรเพ็ญเป็นแค่คนใช้ในบ้านเท่านั้น ไม่สมควรจะสนทนาพาทีด้วย และเมื่อตรัยกลับไป พรเพ็ญก็มักจะโดนอาภาพรทำร้ายร่างกายเป็นประจำ พร้อมทั้งสั่งไม่ให้พรเพ็ญออกมาเสนอหน้าอีกตอนที่ตรัยมาที่บ้าน ป้าแจ่มและลุงเติมคนรับใช้เก่าแก่ของบ้านนี้ แม้จะสงสารพรเพ็ญ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จึงได้แต่ปลอบใจให้พรเพ็ญมีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตในบ้านนี้ต่อไป วันรุ่งขึ้น เพ็ญพรก็เข้าไปที่บ้านศิลาแดงอีกครั้ง โดยทำทีเป็นมาส่งเครื่องสำอางค์ที่อาภาพรสั่งเอาไว้ และได้พบกับตรัยซึ่งจำเธอไม่ได้ อาภาพรแสดงท่าทีเหมือนเขาเป็นแฟนเธอทำให้เพ็ญพรอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงแกล้งทำกาแฟหกใส่เขา อาภาพรไปหาเสื้อให้ตรัยเปลี่ยน   ตรัยและเพ็ญพรปะทะคารมกัน และเมื่อเพ็ญพรกำลังจะเดินออกจากบ้านก็พบว่าเชาว์กำลังจะลวนลามพรเพ็ญ แต่วาทินีมาพบเข้าจึงตรงเข้าทำร้ายตบตีพรเพ็ญจนบาดเจ็บ แถมยังด่าว่าพรเพ็ญว่ามาให้ท่าเชาว์ซึ่งเป็นสามีของตน แม้ว่าพรเพ็ญจะแก้ตัวอย่างไรวาทินีก็ไม่ฟัง แถมเชาว์เองก็ยังสมทบว่าพรเพ็ญมาให้ท่าตนอีก ซึ่งทำให้วาทินียิ่งโกรธและทำร้ายพรเพ็ญหนักขึ้น เพ็ญพรเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถช่วยพรเพ็ญได้ และกลับออกมาจากบ้านศิลาแดงด้วยความไม่สบายใจ 
            คืนนั้นเพ็ญพรวางแผนกับสุดา โดยจะเปลี่ยนตัวกับพรเพ็ญ โดยให้สุดาขับรถไปจอดข้างบ้านศิลาแดง เพ็ญพรลอบปืนเข้าไปในบ้าน และเข้าไปพบพรเพ็ญ พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พรเพ็ญฟัง พรเพ็ญนั้นแทบจะปรับตัวไม่ทัน สองพี่น้องฝาแฝดกอดกันแล้วร้องไห้ แต่เมื่อรู้ว่าน้องสาวฝาแฝดของเธอมีฝีมือพอตัว จึงยอมเปลี่ยนตัวกลับไปที่สวนเสาวรสเพราะอยากพบแม่และตาเหมือนกัน  แต่ก็เป็นห่วงเอกสิทธิ์ผู้เป็นพ่ออยู่ เพ็ญพรรับปากว่าจะดูแลเอกสิทธิ์ให้ดีที่สุด พรเพ็ญเล่าเรื่องราวของคนในบ้านศิลาแดงให้เพ็ญพรรู้ถึงพฤติกรรมของแต่ละคน รวมถึงเผยว่าทั้งสามคนนี่เองที่ทำให้พ่อของพวกเธอต้องกลายเป็นคนพิการน่าเวทนา ยิ่งทำให้เพ็ญพรโกรธและคิดแก้แค้นคนในบ้านศิลาแดงให้สาสม ก่อนที่พรเพ็ญจะไปกับสุดา เพ็ญพรบอกว่าจะส่งข่าวไปให้พรเพ็ญรู้เป็นระยะ                  

            แต่ในช่วงที่พรเพ็ญกลับไปอยู่สวนเสาวรส พรเพ็ญต้องแสดงตัวว่าเป็นเพ็ญพรถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน พรเพ็ญรับปาก และคืนนั้นก่อนเข้านอนเพ็ญพรก็ลอบเข้าไปหาเอกสิทธิ์ เมื่อเธอเห็นสภาพพ่อของเธอ ความไม่พอใจที่เธอเคยมีและคิดว่าพ่อทิ้งแม่และเธอไปก็หายไปจนหมด เหลือแต่ความสงสาร เอกสิทธิ์มองหน้าเธอแล้วน้ำตาไหล แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพ็ญพรกอดพ่อเอาไว้ในอ้อมแขนและสัญญาว่าจะแก้แค้นทุกคนที่ทำให้ครอบครัวของเธอต้องมาพบกับชะตากรรมอย่างนี้ รุ่งเช้าป้าแจ่มเข้ามาปลุกเพ็ญพรให้ลุกขึ้นช่วยงานในบ้าน งานแรกคือทำอาหารเช้าให้เจ้านายทั้งหลายในบ้าน แต่เมื่อทุกคนมาถึงโต๊ะอาหารก็พบว่ามีขนมปังไหม้กองอยู่บนจาน พร้อมด้วยไข่ดาวเกรียมจนดำปี๋อีกหลายใบ อาภาพรกรี๊ดลั่นโต๊ะ ตะโกนเรียกป้าแจ่มสอบถามถึงคนทำอาหารเช้า ป้าแจ่มเดินเข้ามาดูที่โต๊ะอาหารก็แทบเป็นลมไปอีกคน เพ็ญพรเดินตามเข้ามา อาภาพรเดินเข้าไปด่าเหมือนเคย แต่เพ็ญพรก็ด่าสวนกลับทุกคำ วาทินี,สโรชา และเชาว์มองหน้ากันด้วยความสงสัยในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือของเพ็ญพรในคราบของพรเพ็ญ พร้อมทั้งลงความเห็นกันว่าพรเพ็ญคงกินอาหารผิดสำแดงไป จึงทำให้เป็นบ้า

               หลังจากนั้นป้าแจ่มก็บอกให้เพ็ญพรกวาดบ้าน,ถูบ้านและซักเสื้อผ้า เพราะว่าพรเพ็ญนั้นก็ทำงานอย่างนี้อยู่ทุกวัน เพ็ญพรมองเห็นงานที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments