“บุ๊คโกะ” ลบคำสบประมาทสำเร็จ หนัง "11-12-13” ฮอต! ตปท.รุมซื้อไปฉาย
ได้รับกระแสตอบรับที่ดีไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เลย สำหรับภาพยนตร์สยองขวัญปนซึ้งอย่างเรื่อง "11-12-13 รักกันจะตาย" ที่ได้ทัพนักแสดงมาโชว์ฝีมือหลายราย อีกทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถูกต่างชาติซื้อไปฉายถึง 8 ประเทศแล้วในตอนนี้ และล่าสุดมีโอกาสได้พูดคุยกับ “บุ๊คโกะ ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล” เจ้าตัวก็ได้เผยถึงฟีดแบ็คและเล่าเรื่องการทำงานให้ฟังว่า
ฟีดแบ็คเรื่องนี้ดีมากจนตกใจ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผิดคาดมากๆ จริงๆ ตอนที่ 11 12 13 แต่ละตอนมันจะมีความสนุกที่แตกต่างกัน แต่ประเด็นคือหลายๆ คนก็พูดเหมือนกันว่าตอนจบแอบหักมุม ทั้งนี้ก็ไม่คิดว่าบุคโก๊ะและยิปโซจะเคมีตรงกันมากขนาดนี้ เล่นออกมาได้เป็นเหมือนเพื่อนรักกันตั้งแต่อนุบาลเหมือนที่เขาอยากได้ในภาพยนตร์เลย ยิ่งเรามีร้องไห้ตอนจบด้วย ก็ยิ่งมีเสียงชมว่าไม่น่าเชื่อว่าจะเล่นดราม่าได้ดีขนาดนี้ คนก็ชอบ และเราก็รู้สึกว่าเราส่งต่ออารมณ์ให้กันดีมาก รู้สึกว่าโชคดีมากๆ ที่ได้เล่นกับยิปโซ
กระแสพูดถึงเยอะว่าตอนจบซึ้ง เราแปลกใจและเราก็ดีใจด้วย เราคิดว่าตอนแรกคนดูคงไม่ได้คาดหวังมากกับตอนที่ 13 เพราะน่าจะคิดว่าเป็นสไตล์มุ้งมิ้งมากกว่า แต่พอหลายๆ คนไปดูแล้วก็ชม เราก็ดีใจมากเพราะเหมือนเป็นการได้ลบคำสบประมาทของคนอื่นด้วย เราดีใจที่ทุกคนชอบทุกๆ ตอนของเรื่องนี้ เพราะแต่ละเรื่องมันก็มีการไล่อารมณ์กัน ตอนแรกก็จะเน้นดราม่า ตอนที่สองเป็น comedy ส่วนตอนที่สามจะเป็นอารมณ์โรแมนติกที่หักมุมแบบเพื่อนกับเพื่อน จนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลมกล่อม แล้วพอเห็นว่าทุกคนร้องไห้ตอนจบเราก็รู้สึกดีใจมาก เพราะเหมือนเราทำให้ทุกคนอินไปกับภาพยนตร์ของเราได้
ซึ่งตอนถ่ายทำค่อนข้างที่จะหนักหน่วงเหมือนกัน เพราะว่าตั้งแต่ตอนที่มาทำ workshop กัน เราก็จะต้องมีการคุยกันว่าทำแบบนี้แบบนั้นได้มั้ย แล้วก็ต้องบอกกันด้วยว่ามีอะไรให้แนะนำกัน เพราะว่าเราจะต้องเล่นเป็นเพื่อนที่สนิทกันมา 20 ปี แล้วก็ต้องเล่นบทเป็นวัย 20 ต้นๆ ด้วย ซึ่งก็ไม่ได้หนีจากความจริงมากซักเท่าไหร่ แต่ประเด็นคือเราต้องทำให้คนดูเชื่อว่าเราเป็นเพื่อนที่รักกันมากๆ แล้ววันนี้คนดูเชื่อแล้ว นอกจากนี้ตอนถ่ายทำยังได้มีการยกกองไปถ่ายที่เชียงใหม่ช่วงวันสงกรานต์จริงๆ ด้วย ซึ่งนับจากตอนนี้ก็ 1 ปีแล้ว ฉากดราม่าเองก็ลำบาก เพราะว่ามันต้องเรียล เวลาถ่ายจึงต้องถ่ายทีละกล้อง ทีละมุม มันก็ค่อนข้าง continue ความรู้สึกแบบถ่ายทีเดียวจบ ซึ่งยิปก็เก่งในเรื่องของการส่งอารมณ์มาก เขาก็เก่ง เลยทำให้คนดูดูแล้วก็เชื่อแล้วก็ยกเราเป็นคู่จิ้นเพื่อน ขนาดเข้าไปดูเองยังอินเองทุกครั้งเลย ดูแล้วก็รู้สึกหายเหนื่อยเพราะว่าตอนนัดกองก็นัดกันช่วงตี 3 ตี 5 เสร็จอีกทีก็ตี 3 ซึ่งก็ต้องอยู่กันแถวเชียงใหม่ ท่าช้างจนถึงเดือนมิถุนายนเลย เราทุกคนทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มากจริงๆ
คือเรื่องนี้ตอนที่ 12 เขาถ่ายกันมาตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้ว แล้วเรื่องของพี่เวียร์ก็ปลายปี 2014 ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายมาจริงๆ นานกว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งของเราเป็นตอนที่เพิ่มขึ้นมาอีก และใช้เวลาถ่ายไปประมาณ 1 ปี และเมื่อได้กลายมาเป็นหนังผีที่ทำรายได้สูงที่สุดในปีนี้ เราก็ไม่รู้เพราะว่าอะไร แต่เราก็รู้สึกดีใจมาก
เท่าที่ทราบตอนนี้ขายไปได้ 8 ประเทศแล้วนะคะ ตอนนี้รอประเทศที่ 9 คือ ฮ่องกงที่ตอนนี้รอเซ็นเซอร์อยู่ เท่าที่ทราบตอนนี้ก็รอฉายอย่างเดียว แล้วเราก็มีหน้าที่เดินสายโปรโมทอย่างเดียว เชื่อมั้ยคะว่านักแสดงในเรื่องนี้รักกันมากทุกๆ ตอนเลย ถึงขนาดว่ามีการตั้งกรุ๊ปไลน์ขึ้นมาเพื่อคุยกันถึงเรื่องสารทุกข์สุขดิบ ล่าสุดน่าจะเดินสายไปที่ประเทศเขมรก่อน ที่เราดีใจที่สุดคือไม่ใช้เรื่องของรายได้ แต่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แค่เราเสพหนังของเมืองนอก แต่ว่าประเทศใน AEC เองก็เสพหนังของเราเหมือนกัน เรารู้สึกว่าหนังที่เราร่วมแรงร่วมใจกันมา ต่างชาติเห็นว่าสนุก เราถึงขายได้ เราก็รู้สึกประทับใจและดีใจมาก
ตอนนี้กระแสปากต่อปากสำคัญมาก และเมื่อเราเข้าไปดูตาม fan page หรือ twitter ต่างๆ ก็ถือได้ว่าเราลบคำสบประมาทของทุกคนไปได้เลย เพราะเราเองก็ไม่ได้คิดว่าจะพีคขนาดนี้ แต่พอไปดูวันรอบ press โรงก็เต็มและทุกคนก็ชมเรากันหมด เราก็เลยรู้สึกว่าหายเหนื่อยหายร้อน ตอนนี้เราเชื่อว่าทุกคนน่าจะบอกกันปากต่อปากแล้ว และก็อยากเชิญชวนคนอื่นๆ ให้มาดูเพราะว่าหนังผีเรื่องนี้มันครบรสจริงๆ มันมีทั้งความรู้สึกรัก ซึ้ง ขำ หลอน 11 12 13 เราคิดว่ามันเป็นหนังที่ครบรสอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดจริงๆ เอาง่ายๆ คือคนที่ดูแล้วกลับมาดูซ้ำ จึงทำให้เราคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนควรได้ดูไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว
ด้านผลงานอื่นๆ ตอนนี้มีละครอีก 2 เรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่ ซึ่งถ่ายจบไปแล้วเรื่องนึง ที่ถ่ายอยู่ตอนนี้ก็จะมี “เล่ห์รักสลับร่าง” และ “บ่วงนฤมิต” ส่วนจะมีหนังเปิดกล้องอีกเรื่องนึงประมาณช่วงเดือนมิถุนายนเป็นแนวกู้ชาติย้อนยุค ก็ปรับตัวค่อนข้างเยอะ เพราะว่าต้องเป็นฟีลบางระจัน แต่อันนี้จะเป็นแนวคอมมาดี้ที่พี่พจน์ อานนท์ทำชื่อ ตุ๊ดตู่กู้ชาติ แต่ตอนนี้อยากให้ดู 11 12 13 กันก่อน เพราะเท่าที่ทราบมีการเพิ่มโรงกันด้วย อย่างเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาบุ๊คโกะก็ได้ไปดูช่วงเช้า คนดูก็มาดูเต็มโรงเลย หนังไทยทำได้ขนาดนี้เราคิดว่าสุดจริงๆ ยิ่งกว่านั้นก็ยิ่งมีงานต่อเนื่องเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้นักแสดงทุกคนมีความสุขมาก พอมองกลับไปว่าเราถ่ายทำกันมาเหนื่อยขนาดไหน ตอนนี้ก็รู้สึกหายเหนื่อยหมดเลย อยากจะขอขอบคุณทุกๆ คนเลยไม่ว่าจะเป็น M39 , ทีมงาน, ช่างกล้อง และทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้
