ฟังความรู้สึก “จิ๊ก” ผู้ชายข้ามเพศ เปลี่ยนตัวเองจนเป็นหนุ่มทรานส์แมน
“จิ๊ก ภูมิวรินทร์ สุทันกิตระ” เผยรู้สึกเป็นชายตั้งแต่จำความได้ พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองจนหล่อสมใจ พร้อมฝากข้อคิดถึง Transman
ตั้งแต่จำความได้ รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ถึงแม้ร่างกายหรือเพศกำเนิดจะไม่ใช่ก็ตาม แต่รับรู้อยู่เสมอว่าเป็นผู้ชาย แต่ตอนเด็กเราไม่รู้คำจำกัดความไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แค่รู้ตัวเราของเราว่าเป็นอะไรชอบอะไรครับ และไม่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอกหรือไม่มีจุดหักเหที่ทำให้เป็นแบบนี้ครับ ตนไม่ได้เรียนหญิงล้วน และไม่ได้เกลียดผู้ชาย หรืออื่นๆ ตนแค่เป็นตัวของตนเอง
ถ้าถามว่าทรานส์แมนแตกต่างจากทอมยังไง ทรานส์แมนคือ คนที่เกิดมารับรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย แต่อยู่ในร่างกายหรือเพศกำเนิดที่ไม่ตรงกับจิตใจ ง่ายๆ คือติดอยู่ในร่างกายผู้หญิงและต้องการจะทำทุกวิถีทางให้ร่างกายตรงกับจิตใจ ซึ่งรวมไปถึงการแปลงเพศ สำหรับทอม ตนเองอาจจะไม่สามารถให้คำจำกัดความได้ดีมากนัก ตนคิดว่าทอมคือคนที่ชอบการแต่งตัวแบบผู้ชาย มีจิตใจที่มีแนวโน้มไปในทิศทางของเพศชาย แต่พอใจในสิ่งที่เป็น ไม่ได้ต้องการที่จะแปลงเพศ หรือเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีอัตลักษณ์ของเพศชาย เช่น เสียงแตก มีขน มีหนวดเครา ไม่มีมดลูกรังไข่ ฯลฯ
ด้านการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ตนแต่งตัวแบบเด็กผู้ชาย ไม่ชอบใส่กระโปรง ไม่ชอบผูกโบว์ ถ้าแม่จะจับใส่จะร้องไห้ก่อนเลย ตนเองรู้สึกอึดอัด ไม่ชอบจริงๆ พอเริ่มเข้าโรงเรียนก็ต้องแต่งตัวตามระเบียบ แต่พอขึ้นมัธยมปลายเริ่มดื้อ เริ่มไม่อยากไปโรงเรียน ใส่ชุดพละไปเรียนเพราะจะได้ใส่กางเกง อึดอัดมาก ยิ่งตอนเป็นวัยรุ่นด้วย พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ดีขึ้นมาก เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
สำหรับการเปิดเผยต่อคนรอบข้างที่รู้จัก ทุกคนรับรู้แน่นอน ตอนแรกเขาเข้าใจว่าเราเป็นทอมนี่แหละ ก็ไม่ชอบหรอกเวลามีคนเรียกว่าทอม เคยพูดเล่นๆ กับเพื่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัยว่า เราไม่ใช่ทอม คอยดูต่อไปจะมีอวัยวะเพศชาย คือผมพยายามบอกเขาว่าเป็นผู้ชายนะ (เพราะคนตัดสินเพศขึ้นอยู่กับอวัยวะเพศ) เพื่อนก็ขำและกลายเป็นเรื่องตลกของกลุ่มไป ซึ่งแตกต่างกับต่างประเทศ มีเรื่องที่ประทับใจมากตอนเรียนที่อังกฤษ Transgender ทั้งชายและหญิงเป็นเรื่องธรรมดาและธรรมชาติมากสำหรับบ้านเขา มีการให้ความรู้ต่อคนที่เป็นเพศทางเลือกและพ่อแม่ของพวกเขา มีการสนใจในเรื่องสิทธิและเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกัน
หลังจากที่ได้รู้ว่ามีวิทยาการทางการแพทย์ที่ทำได้และน่าจะปลอดภัย ก็ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง บางคนตกใจ บางคนมองเราในฐานะผู้ชายคนนึง บางคนบอกเป็นแบบเดิมก็ดีแล้ว แต่จะทำยังไงได้ต้องใช้ชีวิตจะให้มาเอาใจทุกคนไม่ได้ ตนไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนในสิ่งที่ตัวเองเป็นเท่านั้นพอ
ส่วนคนที่เพิ่งรู้จัก สังคมใหม่ หรือเวลาติดต่องาน ตอนแรกก็ไม่เคยบอกหรือออกตัวก่อนว่าเป็นอะไร เขาก็มองว่าเป็นผู้ชายคนนึง ใช้ชีวิตตามปกติเลย ที่ไม่บอกเพราะคิดว่ามันตลก เวลาแนะนำตัวแล้วมานั้งบอกเพศชาย เพศหญิง ฯลฯ แต่พอเริ่มสนิทแล้วมีเหตุอะไรที่ควรบอกจะบอก ตัวเราเองเป็นตัวเราเองและไม่ใช่เรื่องน่าอาย
กับเรื่องการดูแลตัวเองผมออกกำลังกาย 5 วัน/สัปดาห์ และเลือกทานอาหารบ้าง แต่อาจจะมีหลุดไปทาน junk food บ้างเพราะความอยาก คิดว่าต้องใช้ชีวิต เดี๋ยวจะเครียดแล้วไม่มีความสุข
ถ้าถามถึงวงการบันเทิง แล้วแต่ว่าเราเองเหมาะกับบทบาทไหน เหมาะกับงานของเขารึเปล่า จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับว่าสื่อในปัจจุบันจะให้โอกาสเพศทางเลือกมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าให้เลือกจากตัวเอง ก็น่าจะเหมาะกับงานเดินแบบมากกว่า เพราะสูง 177 cm. น่าจะพอใช้งานได้ อยากใส่เสื้อผ้าเท่ๆ ชอบแต่งตัว ชอบทำผม เดินหน้านิ่งๆ
อยากฝากถึงคนที่ไม่เข้าใจ ตนไม่ได้ขอให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเพศแบบตัวเราเอง เพราะจริงๆ มันก็เป็นอะไรที่ซับซ้อนมากและอาจจะเข้าใจได้ยากสำหรับคนที่เกิดมาเป็นเพศชายและเพศหญิงอย่างที่ใจคุณเป็น อยากบอกว่าพวกคุณโชคดีมาก จริงๆ ที่ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องเจอคนบางคนในสังคมที่ไม่เข้าใจ ไม่ต้องถูกมองว่าเป็นเรื่องประหลาดเวลายื่นบัตรประชาชน และในเมื่อตนโชคร้ายที่เกิดมาแบบนี้ ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ร่างกายตรงกับจิตใจของเราเอง แค่ขอให้คุณมองและให้เกียรติในฐานะเพื่อนมนุษย์คนนึงก็พอ ตนเองมีเลือดมีเนื้อเหมือนคุณ แค่โชคร้ายเอง เป็นคนไทยเหมือนคุณ รักชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์เป็นที่สุดเหมือนคุณ และผมไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเพราะการที่เป็นผู้ชาย
สำหรับคนที่อยากจะเป็น Transman อยากฝากไว้ว่าคุณจะเป็นอะไรเป็นไปที่ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อคนอื่นหรือคนในสังคม ชีวิตนี้ของคุณ ใช้มัน แต่ตนอยากให้ปรึกษาแพทย์ เช่น จิตแพทย์ การพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคจิต แต่คุณหมอจะดูแลสภาพจิตใจหรือความต้องการที่แท้จริงก่อนการเริ่มขั้นตอนแปลงเพศ อีกท่านคือคุณหมอที่ดูแลทางด้านฮอร์โมนเพศชาย ปกติตนรับโดยวิธีฉีดที่โรงพยาบาล ไม่ได้ซื้อมาทานหรือทาเอง ตนไม่มีทางรู้ดีเท่าหมอ และต้องมีการตรวจค่าเลือดต่างๆ สุดท้ายคือศัลยแพทย์สำหรับการแปลงเพศในขั้นตอนต่างๆ คิดอยู่ในการดูแลของแพทย์ดีที่สุด
