“แต้ว” ยิ้มรับคนชื่นชมใส่ชุดไทยสวยสง่า ดีใจได้เป็นส่วนหนึ่งงานครบรอบจุฬาฯ 100 ปี
“แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” เผยรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานวันครบรอบ 100 ปีแห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมเล่าความประทับใจในงานวันนั้น
นับเป็นอีกหนึ่งนางเอกมากความสามารถสำหรับสาว “แต้ว ณฐพร” ที่ล่าสุดเธอถูกเลือกให้เป็นผู้อัญเชิญตราพระเกี้ยว คู่กับ “แอฟ ทักษอร” ในวันครบรอบ 100 ปีแห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จัดขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้นมีหลายเสียงชื่นชมในความสวย สง่า ของสาว “แต้ว” ในชุดไทย ล่าสุดมีโอกาสพูดคุยกับเธอ เธอได้เผยถึงความประทับใจในวันนั้น พร้อมทั้งฝากถึงรุ่นน้องชาวจุฬาฯ ว่า
“สำหรับความเป็นมาคือมีพี่เขาชวนไป เพราะว่าเคยเจอกันตั้งแต่ที่พี่เขาทำหลีด แล้วเคยทำคฑากรให้ ช่วงที่มีงานฟุตบอลก็จะเจอพี่เขา เขาก็จะมาเชิญไป ถามว่าวันนั้นว่างไหม อยากให้มาหน่อย ก็พอรู้ว่าจะต้องมีงานนี้ ตนได้รับหน้าที่นี้ ก็รีบเคลียร์อย่างอื่นแล้วก็มา ซึ่งวันนั้นก็ค่อนข้างทุลักทุเลนิดนึง แต่ตนก็ตัดสินใจ เพราะว่างานนี้เป็นประวัติศาสตร์ของจุฬาฯ อยากไปเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องในงานนี้ เพราะว่ามันจะเป็นเกียรติประวัติของตัวเรา
พอได้ทำหน้าที่นี้ความรู้สึกเดิมๆ ก็กลับมานิดนึง ด้วยบรรยากาศงานด้วย มันก็ไม่ได้คล้ายกับงานฟุตบอล ตนก็รู้สึกถึงการที่ทุกคนมารวมตัวกันเป็นชาวจุฬาฯ แล้วก็ความขลังของงาน เพราะว่างานนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกบรรยากาศนึง อีกโอกาสนึงที่ตนไม่เคยได้มีโอกาสเข้าร่วม ทุกคนไม่มีโอกาสเลยเพราะว่าแบบเป็นร้อยปี
โดยในงานวันนั้นได้ร่วมงานกับ ‘พี่แอฟ’ ด้วย ก็ดีมากๆ คือเหมือนรู้สึกเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ตนแบบรีบรับเลย เพราะว่าเคยมีโอกาสเชิญพระเกี้ยวกับพี่แอฟครั้งนึงก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นงานครบรอบจุฬาฯ เหมือนกัน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่มากเลย พี่แอฟก็น่ารักเหมือนเดิม ซึ่งครั้งนั้นยังไม่ได้เป็นคุณแม่ ตอนนี้ก็แบบเป็นคุณแม่แล้ว
ส่วนกระแสชื่นชมต้องดีใจอยู่แล้ว แต่ก็คือเหมือนอยู่กับพี่แอฟด้วย แล้วความที่เป็นสาวหน้าไทยด้วยกันทั้งคู่ ก็รู้สึกดีเพราะว่าหน้าที่นี้ก็รู้กันอยู่ว่าเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากๆ แล้วพอฟีดแบ็คออกมาในทางที่ดีแบบนั้นตนก็รู้สึกดี แต่จริงๆ ตนไม่ได้มองว่าตัวเองจะต้องแบบสง่าอะไร รู้สึกว่าหน้าที่ตรงนี้ของตัวเองต้องทำได้ดีที่สุด
ด้านบรรยากาศในงานวันนั้น มาถึงก็บล็อกกิ้งคิว แต่พอไปยืนดูคนเยอะมาก ช่วงที่ตนอยู่หลังเวทีก็มีปรากฏการณ์อันนึง เรียกว่าปรากฏการณ์ที่ฝนตกมาก่อน ร้องเพลงในหลวงของแผ่นดิน มันเป็นฝนที่โปรยลงมาเฉยๆ ที่แบบไม่ต้องวิ่งหลบ ก็มีความน้ำตาซึมนิดนึง ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นหรือเปล่า แต่ก็น่าจะเป็น รู้สึกแบบว่าท่านน่าจะกำลังมองลงมาอยู่ เหมือนเป็นสิ่งดีๆ ที่ลงมา แล้วสมเด็จพระเทพฯ ท่านมาที่งานด้วย ถือว่าเป็นเกียรติมากๆ เลย ได้เป็นผู้ร่วมหนึ่งในโชว์ที่อยู่ในงาน 100 ปีแล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติ
ในส่วนที่คนยังอินกับที่ใส่ชุดไทย ก็ดีที่บางคนยังไม่เบื่อ เพราะตัวเองก็ยังชอบเลย แล้วรู้สึกว่าอย่างน้อยจากละคร มีการหันมาอินกับชุดไทย ไม่ว่าจะโอกาสต่างๆ ทำให้คนหันมาอินในตอนนี้ ชุดไทยเป็นอะไรที่สวย รู้สึกดี เราอยากจะใส่อีกในหลายๆ โอกาส ก็ดีที่คนยังไม่เบื่อเวลาตัวเราใส่ชุดไทย
สำหรับความภูมิใจในสถาบัน ก็ภูมิใจตั้งแต่เข้าไปเป็นนิสิตแล้ว หลายๆ คนก็คงภูมิใจ เพราะเป็นสถาบันที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็เป็นของพระมหากษัตริย์ด้วย แทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่สถาบัน ตนรู้สึกภูมิใจที่เข้ามาได้ การเรียน การสอน ทุกอย่าง ครั้งนึงตนได้เรียนที่สถาบันแห่งนี้ แบบเป็นความภาคภูมิใจอยู่แล้ว มันเป็นความรู้สึกโอกาสที่ดี ที่ได้มาเป็นตัวแทนนิสิตเชิญพระเกี้ยวด้วย ในงานฟุตบอลแต่ละครั้งที่ผ่านมาเป็นแบบอะไรที่ยิ่งภูมิใจไปกันใหญ่ ที่ได้มีโอกาสร่วมตรงนี้ ก็เป็นอะไรที่อินมากๆ
ส่วนตัวก็อยากให้น้องๆ คิดถึงความเป็นจุฬาฯ หลายๆ คนที่เข้ามาอาจมองข้ามความสำคัญของการรักษาภาพลักษณ์ของนิสิตไปบ้าง ก็อยากให้ช่วยกันตรงนี้ เพราะตนเชื่อว่าหลายๆ คนอยากจะเข้ามาอยู่ตรงนี้ ก็อยากให้ความศักดิ์สิทธิ์ตรงนี้ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย การวางตัว อยากให้หลายๆ คนช่วยกันเก็บภาพความทรงจำ ช่วยกันแบบรักษาภาพดีๆ ของรุ่นพี่เอาไว้ด้วย
สำหรับผลงานตอนนี้อย่าง ‘รากนครา’ ถ่ายเสร็จไปแล้ว เหลือแต่ตัดต่อ ออนเมื่อไหร่ยังไม่แน่ใจ คงกลางๆ ปี ก็อยากฝากให้รอติดตามด้วยแล้วกัน แล้วก็ฝากละครอีก 2 เรื่อง ‘เกมเสน่หา’ กับ ‘หนึ่งด้าวฟ้าเดียว’ อันนี้ยังไม่ออนแอร์ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วย”