“นุ้ย" แจงไม่ซีเรียสดราม่าเรื่องลูก แค่ครอบครัวมีความสุขก็พอแล้ว

“นุ้ย" แจงไม่ซีเรียสดราม่าเรื่องลูก แค่ครอบครัวมีความสุขก็พอแล้ว

     "นุ้ย ชูเกียรติ เอี่ยมสุข" หรือ "นุ้ย เชิญยิ้ม" ไม่ซีเรียสประเด็นดราม่าเรื่องลูก พร้อมอัพเดทผลงานตอนนี้

     เป็นอีกหนึ่งตลกชื่อดังของเมืองไทย สำหรับ "นุ้ย เชิญยิ้ม" ที่ต้องยอมรับว่ามีความสามารถมากมาย ทั้งเล่นตลก ร้องเพลง และด้านการแสดง ล่าสุดเจอในงานบวงสรวงภาพยนตร์ "ตั๊ด สู้ ฟุ๊ด" เจ้าตัวก็ออกมาชี้แจงกรณีที่ลูกชายอย่าง "น้องภู" โดนล้อ ว่า

     ดีใจที่ "ตั๊ด สู้ ฟุ๊ด" เอากลับมาทำอีก ภาคนี้ก็หลากหลายดี ต่างจากภาคเก่าโดยสิ้นเชิง นักแสดงชุดเก่ายังเหมือนเดิม แล้วเพิ่มนักแสดงรุ่นใหม่เข้ามาด้วย แสดงเป็นรุ่นลูก เป็นการผสมผสานกันระหว่าง 2 รุ่น คาดหวังอยากให้คนกลับมาดูหนังไทยกันเยอะๆ

     กรณี "น้องภู" ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ "อาจารย์ยิ่งศักดิ์" ที่ติดตามครอบครัวของเรา จริงๆ แล้วกับอาจารย์ก็เปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน อาจารย์ก็เคยเตือน เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าเวลาเล่นตลกอย่าเอาลูกไปล้อเล่น เดี๋ยวจะเป็นปมด้อยเด็ก เดี๋ยวโดนล้อ แต่อาชีพตลกก็ล้อคนนั้นคนนี้ ไม่เคยไปย่ำยีใคร ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าน้องจะเลือกทางไหน แต่ที่เห็นทุกวันนี้ คือ ลูกสนใจในการเรียน เป็นเด็กดี ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว แรกๆ คุยกับลูกตลอดว่าซีเรียสไหมที่มีคนล้อ มีอยู่ครั้งหนึ่งพาลูกไปใส่วิก ทาปาก ไปร้องเพลงรายการหนึ่ง เพื่อไปเซอร์ไพรส์แม่ คนดูก็สนุกสนาน แต่ก็มีผลกระทบกลับมา คนโน้นพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ว่าน้องเป็นหรือเปล่า หลังจากนั้นก็ไปขอโทษลูก ว่าพ่อจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว หลังๆ ก็มีข่าวมาอีก ก็ถามลูก ลูกบอกไม่ได้ซีเรียส สบายมาก เท่านั้นเราก็สบายใจแล้ว แค่ครอบครัวมีความสุข ไม่ซีเรียสกับเรื่องพวกนี้ ก็สบายใจแล้ว นอกจากอาจารย์ยิ่งศักดิ์ก็มีคนอื่นเข้ามาให้กำลังใจกันเยอะ ตอนที่อาจารย์พูดในรายการเรายังไม่ได้ดู ไม่มีจังหวะได้ดู ว่าจะไปดูย้อนหลัง แต่หาไม่เจอ เชื่อคงพูดแต่สิ่งดีๆ

      ส่วนงานน้องก็เปิดรับตลอด จะไปแสดงอะไร แต่ตั๊กจะเน้นให้เรียนมากกว่า เตรียมเรียนภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ จะเรียนเยอะมาก

       ส่วนงานด้านวงการก็มีถามน้อง น้องบอกยังไงก็ได้ แต่เราก็ชื่นชอบที่ลูกเน้นเรียน เราก็ปลื้ม เพราะวงการมันไม่ได้ไปไหน เข้าตอนไหนก็ได้ เรียนไปก่อน มีลูกทั้งหมด 4 คน คนโตกับคน 2 ก็จบปริญญาแล้ว เหลือคนที่ 3 ยังเรียนอยู่ และน้องภู เราจึงให้เขาเรียนอย่างเต็มที่ คนที่ 2 ก็ต่อปริญญาโทแล้ว บอกอยากเรียนก็เรียนเลย เพราะพ่อไม่มีโอกาส ถ้าลูกมีโอกาสก็เรียนไป พ่อมีกำลังส่ง ส่วนน้องภูก็สนใจเรื่องคอมพิวเตอร์กับภาษาอังกฤษ บอกชอบมาก ส่วนจะส่งไปเรียนต่างประเทศไหม คงรอให้โตกว่านี้ก่อน เพราะเชื่อว่าการศึกษาที่ไทยก็ไม่ได้ด้อยกว่าชาติอื่น