“เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ยอมรับสำนึกผิด ยกมือไหว้ขอโทษทั้งน้ำตา ขอโอกาสเป็นคนใหม่
“วู้ดดี้โชว์” (Woody Show) อาทิตย์นี้ (7 มีนาคม 2564) วู้ดดี้คว้า “เจนนี่” (รัชนก สุวรรณเกตุ) เจ้าของค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น ที่มีกระแสโดนดราม่าอย่างหนักตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มาร่วมพูดคุยและนั่งเปิดใจทุกกระแสข่าว แบบหมดเปลือกที่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน
.jpg "วู้ดดี้โชว์")
.jpg "วู้ดดี้โชว์")
วู้ดดี้ : ความต่างจากก่อนที่จะทำค่าย และตอนนี้แตกต่างกันไหม ?
เจนนี่ : แตกต่างกันค่ะ ตอนเราเป็นแม่ค้า เราจะไปขายที่ไหนก็ได้ เราไม่ต้องฟิกซ์เพื่อคนดูเพื่อแฟนคลับ แต่พอเป็นค่าย เราต้องเอาความรู้สึกคนอื่นเป็นหลัก การที่เราทำอะไรตามความรู้สึกคนอื่น เราแอบเหนื่อย ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองสักเท่าไร”
วู้ดดี้ : อะไรที่รู้สึกว่าไม่ใช่เรา แต่เราต้องทำ?
เจนนี่ : เวลาเจอสื่อ เจอกล้อง เจอผู้คนใน Social ช่วงแรกเป็นตัวของตัวเอง แต่น่าจะเห็นกันแล้ว ว่ามันพัง มันแย่มากในสายคนคนอื่น จนตอนนี้เราต้องกลายเป็นคนที่ซอฟลง
วู้ดดี้ : ตลอด 1 ปี เจอเรื่องราวอะไรมาบ้าง?
เจนนี่ : เจอข่าวเยอะมาก และไม่เคยเป็นข่าวดีสำหรับหนูเลย เจอกี่ทีก็โดนด่า ไม่ว่าจะเป็นกระแสปีที่แล้ว เรื่องน้องเก้า เรื่องหนี้สินของคุณแม่ เรื่องเด็กออกจากค่าย เรื่องแชทหลุด เรื่องการจัดระบบเงินของค่าย โดนด่าทุกเรื่องเลยค่ะ ช่วงแรกๆ เลยเป็นหนึ่งวันเต็มๆที่ไม่ได้ทานข้าว เพราะรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน จากที่เป็นแม่ค้าเด็กคนหนึ่ง อยากทำค่ายเพลงเพียงเพราะว่าชอบ โดยที่ไม่คิดถึงผลที่ตามมาเลยว่า จริงๆแล้วการทำค่ายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับทุกคน แต่หนูใช้ใจทำ คิดเองเออเอง คิดว่าอันนี้ใช่ก็ทำเลย อยากเอาเด็กทั้งหมดก็เอาเลย อยากทำเพลงก็ทำเลย โดยที่ไม่ได้ปรึกษาใครเลย ทำให้ส่งผลกระทบทีหลัง ทั้งเรื่องเอกสารบ้าง เพราะเราไม่มีฝ่ายกฎหมาย เพราะไม่มีที่ปรึกษา ทำให้คนมองว่า ทำไม่ได้ก็ปิดค่ายไปเลยสิ ทำทำไม
วู้ดดี้ : ยอมรับไหมว่าช่วงแรกเราใจร้อนไป ?
เจนนี่ : ใจร้อนมากค่ะ ด้วยความที่อาจจะเป็นคนที่ดูแรงๆไป เป็นคนตรงๆ พอมีอะไรมากระทบจิตใจ แล้วเรามองว่าเราไม่ได้ทำ เราก็จะรีบออกมาตอบโต้ทุกคนด้วยอารมณ์ที่เรายังมีอารมณ์โกรธ อารมณ์เสียใจ หนูไม่กล้าย้อนกลับไปดูตัวเองที่ผ่านมา ตอนนั้นแรงมาก
วู้ดดี้ : จากจุดเริ่มตันที่เป็นคนใจร้อน แล้วออกมาแก้ข่าวตลอดเวลา ตอนไหนที่ทำให้เรารู้ตัว ว่าเราเยอะไปแล้ว ?
เจนนี่ : ตอนที่คนด่าเราเยอะๆ ไปอ่านคอมเม้นต์แล้วไม่มีสักคอมเม้นต์เลย ที่บอกหนูว่าดีจังเลยที่ออกมาพูด มีแต่ด่าว่าอยู่นิ่งๆก็ดีแล้ว จะออกมาพูดให้คนเกลียดมากขึ้นหรอ เราเลยรู้สึกว่าเราควรคิดได้แล้ว ถ้าเรายังอยากอยู่ตรงนี้ ควรตั้งสติ อะไรเงียบได้เงียบ แล้วฟังคนอื่นให้มากขึ้น อดทนให้มากขึ้นกว่าการเอาแต่ใจตัวเอง
วู้ดดี้ : เป็นไปได้ไหมว่า ชีวิตที่ผ่านมาเราโตเร็วมาก แต่เเราไม่มีที่ปรึกษาที่เป็นผู้ใหญ่ ?
เจนนี่ : ใช่ค่ะ พอปรึกษาแม่ แล้วแม่เป็นคนที่เห็นเรามาได้ขนาดนี้ เค้าก็บอกว่า แล้วแต่หนู มาตลอด เราก็เห็นว่าใช่ ก็ทำเลย Live สดเลย ชี้แจงเลย สัมภาษณ์เลย โดยที่ไม่ได้ปรึกษาใคร ว่าควรทำยังไงดี เพราะมั่นใจว่าเรามาถึงขั้นนี้แล้ว เราคงไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเรามีแฟนคลับ ทำอะไรลงไปก็ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เรามารู้ตัวอีกที คือมันพังแล้ว แฟนคลับเราหายหมดเลย เลยกลับมาทบทวนว่า เอาใหม่ในทุกๆอย่าง”
.jpg "วู้ดดี้โชว์")
วู้ดดี้ : ช่วงไหนที่ผ่านมา ที่ทำให้เราบอกตัวเองว่าพอละ เราต้องเริ่มใหม่?
เจนนี่ : วันที่เริ่มเซ็นต์สัญญาเด็กค่ะ พอเซ็นต์สัญญาเสร็จ เราเริ่มรู้ตัวแล้วว่าอนาคต หน้าที่ของเรามันยิ่งใหญ่มาก เราต้องดูแลคน 20 กว่าคน รวมถึงแดนเซอร์และนักดนตรี เรามองว่าถ้าเราอยากให้ทุกคนมีรายได้ และค่ายเราใหญ่ขึ้น เราต้องเปลี่ยนตัวเองในทุกๆอย่าง เริ่มจากนิสัยตัวเองก่อน เริ่มที่จะซอฟลงในการพูดกับผู้ใหญ่และสื่อ เพื่อให้รู้ว่าเราอยู่ในบทบาทไหนที่เราได้รับอยู่ ซึ่งเราปรับเยอะมาก ตั้งสติมากขึ้น ที่ปรับหนักมาที่สุดคือการดูแลค่าย เราเริ่มต้นใหม่หมดเลย“
วู้ดดี้ : เรื่องค่ายเราพลาดตรงไหน กับปัญหามากมายที่เกิดขึ้น มันเกิดจากใคร?
เจนนี่ : หนูค่ะ หนูเองทั้งหมด ตอนที่เราทำกับลิลลี่ คือเราทำเองทั้งหมด เราคอนโทรลได้ แต่เราลืมไปว่านี่คือน้องเรานะ แต่คนอื่นไม่ใช่ หนูเลยเอาคำว่าครอบครัวมาใช้กับน้องคนอื่น ด้วยการที่ทำเองหมดเลยเหมือนกัน จนเราลืมไปว่าเราไม่สามารถทำอะไรคนเดียวได้ ไม่งั้นมันจะแย่ เหมือนที่ทุกคนเห็น เลยทำให้เราคิดว่า มันถึงเวลาแล้วไหม หรือต้องให้ดับไปเลยถึงจะคิดได้ เราถึงจะคิดได้ วันนี้เรามีโอกาสในการปรับตัวหรือแก้ไข มันช้าไม่ได้แล้ว ตอนนี้พยายามวางแผน ว่าเราต้องอุดรูรั่วทุกอย่างที่เคยผิดพลาด เรื่องของการแชทคุยกับน้องๆ ควรจะต้องเป็นคนอื่นมาทำแทนตรงนี้ หนูควรปล่อยวางบ้าง ให้คนอื่นทำในหน้าที่ที่เค้าถนัด เริ่มที่จะเข้าหาผู้ใหญ่มากขึ้น เพื่อขอคำปรึกษา เพราะเราไม่ได้จบด้านนี้มาโดยตรง แต่เรายังเป็นได้หมดถ้าสดชื่นในเวอร์ชั่นของเจนนี่”
วู้ดดี้ : ในปีที่ผ่านมา ในวันที่เรายังไม่ได้ปรับตัว กระทบอะไรบ้าง?
เจนนี่ : งานลดลง แฟนคลับลดลง สปอนเซอร์ลดลง จุดที่ต่ำสุดคือ คุยกับแม่ว่าขอปิดค่ายได้ไหม เพราะเหนื่อยแล้ว ถ้าพรุ่งนี้เราตื่นมาแล้วบอกว่าทุกคนเราแยกย้ายกันเถอะ ทุกอย่างก็จบเลยนะคะ หนูไม่ต้องโดนคนด่า และไม่ต้องเจอปัญหาเด็กออก หรือปัญหาการแบ่งเงิน หนูก็กลับไปเป็นเจนนี่คนเดิม เป็นเจนนี่ที่ไม่ได้โตขึ้น แต่แม่บอกว่าถ้าเจนนี่ปิดค่าย เด็กต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน โดยที่ความฝันยังไม่ได้สำเร็จ นี่เราเพิ่งเริ่มต้นนะ เรายังมีโอกาสแก้ไข ยิ่งได้เจอปัญหาเร็ว ยิ่งได้เรียนรู้เร็ว และได้แก้ไขได้เร็วขึ้น แม่อยากเห็นว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ได้เห็นค่ายที่ทำงานผิดพลาดน้อยลง แม่ไม่เชื่อว่ามันจะไม่ผิดอีก แต่ขอให้น้อยลง และพัฒนาไปในทางที่ดีเท่านั้น”
วู้ดดี้ : อยากฝากอะไรถึงทุกคนที่ดูอยู่ และอีกหลายๆ คนที่เคยเสียความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นคู่กรณี ผู้ใหญ่ หรือแฟนคลับ”
เจนนี่ : หนูขอโทษนะคะ ตอนนี้คิดได้แล้ว และอยากขอโอกาสให้หนูได้เดินสายนี้อีกสักครั้งหนึ่ง หนูไม่คอนเฟิร์มว่าจะไม่ผิดพลาดอีก แต่หนูคอนเฟริ์มว่าจะตั้งใจแก้ไข พัฒนา ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นมากขึ้น เรียนรู้ในการสร้างค่ายให้ดีกว่านี้ หนูอยากให้ทุกคนให้อภัยกับสิ่งที่ผ่านมา ให้โอกาสหนูในการทำงาน และหนูจะทำให้ดีขึ้น”
