“อุ๋ย บุดด้าเบลส” ดีใจคนชอบรายการ “คุยกับอุ๋ย” เผยไม่หวังยอดวิวขอแค่มีประโยชน์กับคนดู
เหมือนจะหันมาเอาดีด้านครีเอเตอร์อีกราย นักร้องหนุ่ม “อุ๋ย บุดด้าเบลส” หรือ “นที เอกวิจิตร” ที่รายการ “คุยกับอุ๋ย” กระแสตอบรับดี พร้อมเล่าเบื้องหลังการทำรายการผ่านช่องยูทูบ ก่อนเผยว่าทำรายการมาไม่ได้หวังยอดวิว แต่หวังว่ามันจะมีประโยชน์ต่อคนดู ส่วนเรื่องงานเพลงก็ยังทำอยู่...
อ่านข่าวต่อ : โปรไฟล์เริ่ด! “อร อรนลิน” เจ้าสาวคนสวยของ “อุ๋ย Buddha Bless” เป็นทั้งจิตรกรและนักธุรกิจ
"เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์แปลกมาก ขนาดตัวเองทำรายการเองยังไม่รู้สึกว่าเป็นคอนเทนต์ เหมือนแค่นั่งคุยกับคนแล้วแค่อัดไปให้คนอื่นเขาดู คิดแค่นั้น รู้สึกว่ามันดีจังเลย อยากให้คนอื่นได้ยินด้วย ถ้าไม่ชอบทำไม่ได้หรอก นอกจากไม่ได้เงิน ยังมีแต่เสียเงิน แรกๆ ก็ถามหลายคนก่อนทำว่ามีอะไรแนะนำไหม เขาก็จะพูดคำเดียวกันว่าให้ทำสิ่งที่เราชอบ ถ้าไม่ชอบเพราะหวังรายได้อย่าทำ เพราะไม่นานพี่จะเลิกทำแน่นอน ถ้าทำมันนานกว่าพี่จะมีรายได้ นานมากจนบางคนเลิกไปก่อน แต่ว่าถ้าพี่ชอบ ต่อให้ไม่ได้เงิน เสียเงินพี่ก็อาจจะทำมันอยู่
คนชอบเยอะตอบไม่ได้เลย ถ้าเกิดเขามองมาแบบนั้นก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ไม่รู้จริงๆ อย่างที่บอกรายการดีๆ มีคนคุยกัน มีสาระให้ความรู้มีอีกเยอะมาก ไม่รู้ว่ามายืนตรงนี้ได้ไง ผมเห็นว่ามีบทความในประเทศเรา หรือในโลกว่าตอนนี้คนทำคอนเทนต์จะเยอะกว่าคนดูแล้ว จนหลายคนที่ทำคอนเทนต์ก็เลิกทำ แต่ผมเชื่อว่ามันจากหลายสาเหตุ บางคนที่เจอมาเขาบอกว่า เขาเหนื่อยที่จะต้องคิดว่าต่อไปมันจะเป็นอะไร เอาใจไปฝากกับยอดวิว มียูทูบเบอร์ที่ยอดหลักล้านมาปรึกษาปัญหาชีวิตกับผมว่า เขาเครียด เขาท้อ เพราะคุณค่าชีวิตไปฝากกับยอดวิวอย่างเดียว ซึ่งก็เข้าใจมันเป็นงาน แต่ผมรู้สึกว่าคุณค่ายอดวิวมันไม่ได้วัดด้วยตัวเลขยอดวิวอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ถ้าคิดว่ามันมีประโยชน์มันแก้ปัญหาชีวิตคนได้ อย่างน้อยก็ชีวิตเราเอง ผมว่าทำไปเถอะ ทำต่อไป
ทำแรกๆ ก็เหมือนทุกคน ดูยอดวิวอย่างเนี้ย หลังๆ พูดตรงๆ แทบไม่เคยดูเลย ทำไป ปล่อยมันไป คิดว่ามันมีประโยชน์ มันจะพาเราไปไหนไม่รู้ หาเงินหาทองจากทางอื่นบ้างก็ได้ ไปทำงานอย่างอื่นที่เคยทำ คอนเสิร์ตก็ยังเล่น ไปบรรยายตามบริษัทก็ทำไป อาชีพรับจ้างทั่วไป จะว่าไม่หวังเลยก็ไม่ได้ แต่ว่าหวังน้อยมาก พูดตรงๆ คือมันคาดเดาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเราไม่เอาคุณค่าของชีวิตเราไปฝากตัวเลขยอดวิว วัดกันตรงนั้นไม่ได้
กว่าจะมามีวันนี้ได้ก็ต้องผ่านความใจร้อนมาก่อนต้องให้ความฉิบหายสอนชีวิต คือแบบว่าทัวร์ลงบ้าง โดนด่าบ้าง เรียนรู้จากคำสอนได้แต่ไม่ค่อยมาก เป็นพวกหัวดื้อ ต้องไปทดลองด้วยตนเอง เมื่อก่อนเกเรสุดๆ ไม่ได้เป็นพวกต่อยตี ผมเป็นพวกเลวระยำเนรคุณ เป็นเด็กก้าวร้าว ชอบถกเถียง แต่ตอนนี้ก็มีสติมากขึ้น แต่ถามว่าใจเย็นขึ้นไหม ก็ไม่ยังใจร้อนเหมือนเดิม แต่มีสติ รู้ทัน เร็วขึ้นบ้าง จากบางทีโกรธนานเป็นอาทิตย์ เดี๋ยวนี้ก็หลักชั่วโมง หลักนาที มันก็ต้องฝึกไป ยังไม่ใช่คนดี
เรื่องเพลงทำอยู่ ค่อยๆ ออก แนวเพลงก็เปลี่ยนไปตามอายุ เพลงสนุกชอบฟังแต่เวลาทำก็จักจี้ รู้สึกว่าแบบไม่มีสาระเลย พออายุขนาดนี้แล้วก็อยากให้มีสาระ อยากให้คนฟังง่าย แต่หลังๆ ก็ไม่คิดเยอะแล้ว