“เกรซ กาญจน์เกล้า” แจงที่มาเรียนหมอ พร้อมเล่าจุดเริ่มต้น
หลังจากสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนๆ สำหรับแสดงสาว “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ที่เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ทางอินสตาแกรมส่วนตัวถึงความภาคภูมิใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเองในการตัดสินใจเรียนปริญญาโท เกี่ยวกับ Anti-Aging ซึ่งเรียนเนื้อหาเหมือนหมอ
อ่านข่าวต่อ: น้ำตาไหล! “เกรซ กาญจน์เกล้า” ทิ้งทุกอย่าง นั่งเรียนหมอสุดยาก ถึงขั้นคิดหรือควรพอแค่นี้
ล่าสุดเมื่อเจ้าตัวมาร่วมงานประกาศรางวัลผลิตภัณฑ์และบริการความงามที่สุดแห่งปี ‘PRAEW ICONIC BEAUTY 2024’ ภายใต้คอนเซ็ปต์ PERFECT 10 ‘THE JOURNEY OF BEAUTY’ จัดโดยนิตยสารแพรว ในเครืออมรินทร์กรุ๊ป ก็ได้เปิดใจกับเรื่องนี้ว่า
เห็นล่าสุดเกรซโพสต์ว่ากำลังเรียนหมออยู่หลายคนรู้สึกเซอร์ไพร้ส์มาก ?
ต้องแจ้งก่อนว่าตอนนี้เกรซเรียนปริญญาโท Anti-Aging ซึ่งคนก็จะคิดว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสวยความงาม อย่างเดียว แต่มันไม่ใช่ มันคือโดยองค์รวมทั้งหมดของร่างกาย และการที่เกรซพูดและติดแฮชแท็ก การเรียนหมอ ความหมายของเกรซคือเกรซไม่ได้เรียนไปแล้วจะจบไปเป็นหมอ มันไม่สามารถจบได้ เพราะจริงๆ แล้วพื้นฐานของคนเป็นหมอ เขาต้องเรียนเป็นแพทย์หกปี ของเกรซเป็นคอร์สปริญญาโท แต่เพียงแค่ว่าไม่ได้มีโอกาสชี้แจงในโพสต์แรก เพราะโพสต์แรกเป็นโพสต์ที่ให้กำลังใจว่าเราทำได้คนอื่นก็ต้องทำได้ เพราะเราไม่ได้มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์เลย เกดก็ไม่ได้เข้าใจว่าหลายคนจะเอาไปตีความว่าเกรซไปเป็นหมอ อันนี้คือไม่ใช่ ถ้าได้อ่านแคปชั่นจนจบ จะเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ก็เข้าใจว่าบางคนอาจจะอ่านแค่บรรทัดบน แล้วที่เหลือไม่ได้อ่านเลย ก็อาจจะเข้าใจข้อความไปอีกอย่างหนึ่ง แต่ความจริงแล้วเนื้อหามันเหมือนกับที่หมอเรียนอะไรประมาณนี้ค่ะ
ความหมายก็คือมันยากมาก แล้วเราต้องปรับเยอะมาก และมันแลกมาด้วยอะไรหลายๆ อย่าง และเราก็เสียโอกาสหลายอย่างไป แน่นอนว่าคนเรามี 24 ชั่วโมง แต่ทำยังไงฉันถือเป็นล้านอย่างเลย แล้วฉันจะเรียนด้วยอ่ะ มันจะทำอะไรหลายๆ อย่าง มันต้องเลือกค่ะ อันนี้เรียนสองปี เป็นปริญญาโท หลายคนบอกว่าเป็นคอร์สสั้นหรือเปล่า ไม่ใช่ค่ะ อันนี้เรียนจบไปคือได้วุฒิการศึกษาเป็นวิทยาศาสตรบัณฑิต
เข้าคลาสแรกเป็นอย่างไรบ้างเพราะเราก็ห่างจากการเรียนมานานพอสมควร ?
ช็อกมากค่ะ วันแรกที่ไปเรียนคือถอดรหัสดีเอ็นเอ โครโมโซม คือต้องรู้ขนาดนี้ไหม แล้วหันไปข้างขวาคือหมอ ซ้ายก็หมอ แต่มันก็มีความอุ่นใจตรงที่ว่าถ้าเราไม่เข้าใจอะไร เพื่อนที่เป็นหมอก็สามารถที่จะอธิบายให้เราได้ แต่เนื้อหาของหมอก็จะลงลึกมากกว่าของไซซ์ แต่ของหมอเขาจะลงลึกกว่าเพราะเขามีเรื่องดีเทลเยอะกว่า แต่ว่าเนื้อหาคือยากมากเหมือนกัน
ตอนแรกเรากังวลใจไหมที่จะเรียน?
ตอนแรกเป็นความมั่นใจมาก เพราะเรารู้สึกตื่นเต้นกับการตัดสินใจเรียน ด้วยเราอยากรู้ให้ลึกกว่านี้ เพราะในอนาคตเราจะทำอาชีพและประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรดักส์ เปิดเวลเนส ที่เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพ คือที่ผ่านมาเกรซชอบด้านนี้จริงๆ เลยรู้สึกว่าอยากจะลองเรียนรู้ให้มันลึกไปเลย ซึ่งมันเกิดจากการที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะ เวลาไปโรงพยาบาลคุณหมอก็จ่ายยามา ซึ่งจะเป็นยาลดกรด มีผลกระทบต่อร่างกาย ตอนนั้นกินไปเยอะจนเป็นติ่งเนื้อในลำไส้ ต้องผ่าตัดเอาติ่งเนื้อออก หลังจากนั้นมีโอกาสได้มารักษากับหมอ anti aging พอรักษาก็รู้สึกว่านี่คือทางออก และประตูแห่งความรู้มันจะต้องเปิดแล้วล่ะ ฉันจะต้องรู้จริงแล้ว ซึ่งมีหลายคนบอกว่า ความรู้ไม่เคยแพง ความไม่รู้แพงกว่าเสมอค่ะ
เกรซมีมุมมอง เกี่ยวกับ Lifelong Learning ลึกซึ้งขึ้นอย่างไรบ้าง?
เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วแบบนี้แหละดีแล้ว จะบอกว่าตัวเองไม่ได้เรียนอะไรแบบนี้หรือจำอะไรแบบนี้มานานมาก เพราะว่าทำงานถ่ายละคร มันคือการจำเลย แล้วลืมเลย ณ ตรงนั้น แต่ความรู้ในห้องเรียนมันจำแต่ลืมเลยไม่ได้ มันจำแล้วมันต้องเอาไปใช้สอบ เราต้องรู้จริง ถ้าเราจำอันแรกไม่ได้ เราจะไม่สามารถทำ 20 -23 ได้ เพราะเราลืมเบสิคของมัน ก็เลยเป็นอะไรที่เครียด และปรับตัวยากมากช่วงแรก เพราะมันจะมีการเรียนปรับพื้นฐานด้วย สำหรับคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์มาอย่างเกรซ รู้แค่ว่าตัวโน้นตัวนี้คืออะไร อันนี้คือการเรียนแบบจริงๆ รู้นึกถึงรากถึงโคนเลย ก็สะใจดีเป็นการเบิกเนตรสุดๆ
แต่เราก็ต้องทำการบ้านหนักมาก ?
หนักมากค่ะ คอนเทนท์ช่วงนี้ก็จะออกมาน้อยนิดนึง ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา มันปรับตัวไม่ได้ แล้วมันก็ยาก จากชีวิตเราที่เรื่อยเปื่อย ก็ต้องมานั่งอ่านหนังสือทุกวัน แต่ในขณะเดียวกันมันไม่มี การกระทำใด สูญเปล่า เราก็ทำมาและเราก็ได้ความรู้กลับมาและนำไปใช้ และบอกคนที่เรารัก ครอบครัว ฟินมากแค่นี้ก็ฟินแล้ว