เปิดปมชีวิต “แหม่ม ลิษา” รับคิดสั้น อยากลาโลก
ใครเลยจะรู้ถึงชีวิตอีกด้านของ “แหม่ม ลิษา ขจรไชยกุล” จากนางเอกช่อง 3 ในพ.ศ. 2530 ที่โด่งดังมีชื่อเสียงหลายปี ชีวิตกลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนถึงขั้นตัดสินใจจบชีวิตตัวเองมาแล้วถึงสองครั้ง เนื่องจากเธอต้องต่อสู้กับโรครูมาตอยมาหลายปี การรักษาด้วยยาทำให้เธออ้วน และเคยเข้ารักษาอาการซึมเศร้าที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เมื่อไม่สามารถเล่นละครได้ เธอจึงตัดสินใจมาเป็นแม่ค้าอาหารตามสั่ง และนี่คือเรื่องราวการต่อสู้จากปากของเธอ
Q : อยากให้ “พี่แหม่ม“ เล่าเส้นทางบันเทิง?
A : “พี่สมัครเข้ามาเล่นละคร “เบญจรงค์ห้าสี” ของ “พี่จิ๋ม มยุรฉัตร” คือสมัครเข้ามาเองเลย ในปี 30 เล่นของช่อง 3 คือเขียนจดหมายมาสมัคร พี่จิ๋มเลือกเลยนะ พี่จิ๋มบอกว่าเราเขียนรายละเอียดในใบสมัครมาน้อยมาก ไม่ได้เขียนชีวิตรันทดอะไรมาก คือเขียนแต่ชื่อที่อยู่ แล้วก็สมัครเป็นนักแสดง พี่จิ๋มบอกว่าเขียนหยิ่งมากก็เลยเลือกให้เล่นละคร ครั้งนั้นยังมี “นก จริยา” อีกคนที่ได้รับเลือก พี่เองเล่นกับ “พี่ตู่ นพพล” พอละครออนไปคนก็เริ่มรู้จักเพราะดาราลูกครึ่งตอนนั้นน้อย หน้าแปลก ถ้าเป็นสมัยนี่ก็พอลล่าไรแบบนั้น หลังๆ ก็มีละครมาเรื่อยๆ เราก็ไม่ได้เซนสัญญากับใคร”
Q : หายไปจากวงการเพราะอะไร?
A : “หลักๆ เพราะเราอ้วนง่ายมาก พี่มีปัญหากับน้ำหนักของตัวเอง ถ้าช่วงไม่ไหวเราก็ไม่รับ เคยเห็นตัวเองในทีวีก็รับไม่ได้เหมือนกัน รักษารูมาตอยด้วย กินยาหนักมากทำให้น้ำหนักเพิ่ม 90 ก.ก. คือไม่มีช่วงผอม โรคตัวแรกที่เจอคือ รูมาตอย ตามด้วยโรคความดันสูง ตอนนี้ได้เบาหวานมา แต่พี่ก็รักษาอยู่ มีไขมันเยอะด้วย แต่ก็เกณฑ์ที่ดี ก็เล่นละครอยู่นะ ถ้าปวดขาพี่ก็ขอหยุดนะ ให้นั่งก็นั่งเลย เราก็บอกผู้กำกับว่าจะให้ลุกนั่งบ่อยๆ ไม่ได้ บางทีเหนื่อยที่จะไปอธิบาย ก็ทำให้เราหายไปจากวงการ พี่ก็จับงานทำอาหารและทำงานนี้เลย”
Q : ทำไมมาเลือกอาชีพขายอาหารตามสั่ง?
A : “คือที่บ้านเขาจะฝึกให้ทำอาหารเป็น เพราะเป็นลูกผู้หญิงกันหมด ที่บ้านเราก็ชอบทำอาหารด้วย ก็หัดทำไปด้วย เรียนทำอาหารเองด้วย เมื่อเราไม่มีงานแสดง ก็เริ่มทำสลัดขายเป็นแพ็คส่งเอา สัปปะรดภูแลไปด้วย ขายตามสั่งพวกข้าวไข่เจียวไปด้วย ก็ทำอาหารขายเป็นเรื่องเป็นราว”
Q : คิดน้อยใจในโชคชะตาไหม?
A : “มีนะ คือไม่คิดไม่ได้ แวบหนึ่งบอกตัวเอง “นี่เราจากนางเอกเลยนะ” แต่เราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย เรายังทำมาหากิน ไม่ได้ขอรับบริจาค เคยเจอแบบมาบูลลี่ว่า เธอไม่มีใครจ้างเหรอ เราโกรธมากนะ มันเป็นเรื่องของเราไหม คุณไม่ต้องชมเราก็ได้ เรารู้สึกว่าภูมิใจที่เราทำมาหากิน ดูแลตัวเองได้ พอเราเจอบูลลี่หนักๆ ก็ตัดใจ พยายามคิดบวกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ถ้าแรงก็เงียบแต่หลายครั้งคำพูดคุณมันทำร้ายเรา จนพี่ป่วยซึมเศร้ามา 10 ปีแล้ว พี่เริ่มรักษาตอนไปอยู่เชียงใหม่ ชีวิตเราพอดิ่งมากๆ เริ่มตัน สมองบอกไม่อยากอยู่นะ แต่พี่ไม่ถึงขนาดแบบว่าพูดคนเดียว แต่เรานั่งร้องไห้กับตัวเองบ่อยๆ เลยตัดสินใจก็ไปหาหมอ และเข้าสู่การรักษาจิตเวชจนยอมรับว่าป่วย หมอบอกว่าให้เอาสุนัขมาเลี้ยง ก็เลยเลี้ยงหมาชื่อไข่เจียว”
Q : เคยท้อจนคิดลาโลก?
A : “พี่เคยทำมาสองครั้งแล้ว แต่รอด คือมันอธิบายไม่ได้ ครั้งแรกทานยาให้หลับไปเลย แต่หมอช่วยไว้ได้ ครั้งที่สอง พี่ขับรถแล้วกอดหมา ที่เกาะเต่า ตัดสินใจจะดิ่งหน้าผา พี่มองไว้แล้ว เราเครียดมากๆ แต่แวบหนึ่งอย่าเลย ครั้งแรกที่รอดตายคือถ้าหมอไม่ช่วยพี่คงตายไปแล้ว ส่วนครั้งที่สองเราคิดถึงหมาที่เราจะพาเขาไปตายด้วย เขาไม่ผิด เราก็คิดว่าสู้ไปเถอะ ไม่ไหวก็คือไม่ไหว แล้วแวบนั้นเพื่อนเคยบอกว่าไปทำร้านที่เชียงใหม่ไหม เราก็เอาน่าเหนื่อยตายยังดีกว่า ฆ่าตัวตายไม่ดีเลย ชีวิตบางทีมืดมนมากนะอะไรก็เอาไม่อยู่ เราสายธรรมะ พอเจออะไรหนักๆ มันหายหมด แต่ก็จะพยายามพูดให้กำลังใจตัวเองทุกวัน มันต้องดี ต้องได้ ต้องรอด ต้องหารายได้ให้ได้ สร้างพลังบวกให้ตัวเอง”