ฟาดกลับ! “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เคลียร์ชัดกรณีถูกพาดพิงพิธีกรดังเสี่ยงโควิดแต่ไม่กักตัว
จากกรณีที่มีสื่อและดาราได้โพสต์ข้อความที่ทำให้เข้าใจได้ว่า “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” รู้ก่อนหน้านี้แล้วว่ามีความเสี่ยงติดโควิดแต่ก็ยังเข้าร่วมทำรายการในสถานีช่องหนึ่งซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ทาง “ดาราเดลี่” จึงได้ต่อสายตรงเปิดใจสัมภาษณ์ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ถึงกรณีดังกล่าวพร้อมชี้แจงไทม์ไลน์แบบละเอียด โดยเขาเสียใจที่มีนักแสดงหลายคนพาดพิงถึงในทางเสียหาย
ซึ่งเขาเผยว่า “ผมไม่พอใจที่คนจินตนาการไปเรื่อยๆ ชัดเจนเลยคือเรื่องที่ตอนนี้มีดาราบางคนมาโพสต์มาทำข่าวโดยที่พูดแล้วอ่านแล้วก็เข้าใจว่าเป็นผมไม่ว่าจะเป็น บุ๊คโกะ, ตุ๊กกี้ และ แทค ภรัณยู ขอยืนยันว่างานสุดท้ายที่ไปทำงานที่มี ตุ๊กกี้ และตั๊ก ศิริพรเป็นพิธีกร โดยที่มีนัดหมายงาน 11.00 ที่เวิร์คพอยท์ตอนนั้นโก๊ะตี๋ยังไม่ได้ประกาศ เพราะผมยังไม่รู้
มาวันที่ 30 มิ.ย. 64 หลังเที่ยงเศษๆ ลงมาขึ้นรถ ถึงทราบว่าเขาติดโควิด มีคนโทรมาหาทราบข่าวหรือยัง รีบดูข้อความน้อง ผมก็หยุดงานทันที เพราะมีคิวต่อไป 14.30 น. รายการสดทาง Mcot ตรวจสอบได้ ผมรับผิดชอบทุกคำพูด แต่ยอมรับว่า 30 มิ.ย. ตอน 11.00 น. ได้พูดไปก่อนการบันทึกเทปว่าสงสัยเดี๋ยวจะมีดาราเป็นโควิดแน่นอน ต้องรอคอนเฟิร์มจากเขา ผมพูดแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ตามกฎหมายบอกไม่ได้ จะเจอกฎหมายหมิ่น แต่ตุ๊กกี้กับตั๊กอยากรู้แล้วเราสนิทกันมาก ผมก็เปิดภาพให้ดูแล้วบอกเขาไปว่าพูดไม่ได้นะ ต้องรอผลสุดท้ายให้เจ้าตัวประกาศเองถ้าติดโควิด เราไม่สามารถพูดได้คุณไม่สามารถบอกว่าใครเป็นอะไรได้ ก่อนแพทย์หรือเจ้าตัวบอก ฉะนั้นจะมาบอกว่าผมรู้มาก่อนแล้วว่าเขาเป็นแล้วไม่กักตัว ผมเพียงแต่รู้สึกว่าเขาเป็น เพราะว่าผมผ่านการอบรมในโครงการเป็นโควิดต้องมีที่รักษากับมิสแกรนด์ ก็ไปเจอแบคกราวน์ คนรอบตัวเป็นก็คิดว่าน้องน่าจะเป็น ก็เลยไปพูดกับตุ๊กกี้ แต่เราไม่ได้ฟันธง น้องก็คิดว่าอาจจะเป็นไข้หวัด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็พูดไม่ได้”
เขาเผยอีกว่า ก่อนหน้านั้นอีกวันตอนเย็น ผมเจอบุ๊คโกะรายการหนึ่ง พูดเล่นว่าสงสัยจะมีดาราเป็นโควิดเพิ่ม ผมพูดแค่นี้เพราะเราสนิทกัน เล่นอำกัน เขาถามใคร ผมบอกไม่ได้ ต้องรอผล พูดแล้วเสียหาย ต้องรอผลตรวจ พอโก๊ะเป็น แล้วพอโก๊ะประกาศว่าเป็นโควิด พอมาเป็นแบบนี้ มาใช้ประโยชน์ตรงนี้มาด่าผม ทั้งๆที่ขั้นตอนรอคอนเฟิร์มมาโจมตี มันแย่มากๆ สำหรับแทคผมไม่เจอไม่ต่ำกว่า 20 วัน ไม่รู้ว่าเขาจะหาเรื่องผมทำไม ไปเสพข้อมูลจากไหนมาหรือเปล่าถึงอารมณ์ขึ้นแบบนี้
เขาย้ำต่อว่า “พี่ไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงพี่ตรวจโควิดทุกสัปดาห์ ตรวจ 28 ผลออก 29 บ่าย พี่ไม่เป็นโควิด เจอบุ๊คโกะก็ไม่เป็น มาเจอตุ๊กกี้ 30 เช้าก็ไม่ได้เป็นโควิด วันนั้นโก๊ะตี๋ก็ไม่ได้ประกาศ อย่ามั่วอย่าให้ข้อความเท็จ กล่าวหากันแบบนี้พี่ฟ้องกลับได้
ส่วนกรณีการถอดแมสก์มันเป็นเรื่องจริงพี่ถอดบางจังหวะ เราต้องการอากาศเพิ่มบ้าง พี่ปลดแมสก์มาเพื่อหายใจแล้วก็ปิด ทุกคนต้องการอากาศเพิ่มเหมือนกินอาหาร เราต้องการอากาศ ต้องมีช่วงเอาลงนิดเดียวเพื่อเอาอากาศบริสุทธ์ เอาตรงๆ พี่มีผลติดตัว ไม่ได้ติดโควิด ตรวจทุกสัปดาห์พี่ไม่ได้เป็นโควิด คนที่เสี่ยงคือตัวพี่เพราะคนในห้องเยอะมาก ไม่รู้ว่าไปตรวจโควิดกันหรือยัง เพราะเห็นดารา คนอยู่หน้าจอเค้าก็มีช่วงจังหวะหายใจไม่สะดวกก็ต้องทำกันทั้งนั้น ที่สำคัญที่สุดที่บอกว่าพนักงานในช่องเอือมระอาพี่ทุกคน พี่ก็เอือมระอาคนในช่องทุกคนเหมือนกัน ก่อนหน้าที่ช่องนี้จะยอมเปิดเผยคลัสเตอร์มหากาพย์หลายสิบคน ก็จากการเริ่มปูดข่าวของคุณเต๋าทีวีพูล จากนั้นไล่บี้กันจนยอมรับ แล้วทำไมช่วยกันปกปิดตั้งแต่เริ่มเป็น 2 คนแรกครับ และก็ระบาดกันไปเรื่อยๆ กลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ถึงยอมรับ เริ่มจากคนสองคนติดในสตูดิโอ ทุกคนรู้ พวกคุณก็รู้ แล้วทำไมคุณถึงไม่ด่าช่องคุณบ้าง ทุกคนทราบคนปากดีช่วยกันปกปิด ทำไมในช่วงที่ระบาดที่นั่นแล้วยังให้ผมเดินเข้าไปเสี่ยง อยากถามว่าดาราทั้งสามคนไม่ด่าโวยวายช่องกรณีนี้บ้างเหรอครับ ถ้าคุณมีตรรกะและอยู่บนจุดยืนที่แท้จริง
ผมก็รู้ว่ามีคนเป็น แล้วผมจะพูดได้ไหมว่าเราจะไม่ไปช่องนี้ เพราะมีการระบาดอยู่ที่นั่นเพราะพวกคุณช่วยกันปกปิด ถ้าผมพูดไปก่อนหรือทำอะไรไปก่อนผมอาจจะเจอข้อกล่าวหาหมิ่นประมาททางช่องอาจจะฟ้องร้องผมได้ ผมก็ต้องก้มหน้าอดทนเอาเงินไปให้ช่องและพวกพวกคุณต่อไปท่ามกลางการเลือกทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ขอบคุณยังไม่ยอมรับว่ามีการติดและคุณยังไม่ประกาศ เช่นเดียวกัน โก๊ะยังไม่ได้บอกว่าเป็นโควิด เราก็ยังพูดไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย เขาฟ้องผมได้ทันที
เหตุการณ์ครั้งนี้สอนให้ผมได้เห็นตัวตนของคนในวงการมากขึ้น ฝากบอกน้องๆ ว่าพี่รู้สึกดีกับน้องตั้งแต่สมัยไหน แต่วันนี้พี่รู้จักน้องมากขึ้นในเหตุการณ์นี้คือ เบื้องหน้าอย่างหนึ่ง เบื้องหลังอีกอย่าง วิกฤติคราวนี้ทำให้พี่รู้จักน้องมากขึ้น
หวังว่าหลักการและการใช้ข้อมูลที่เป็นหลักฐานรวมถึงเหตุผลที่แท้จริงและกฎหมายคงต้องอยู่เหนืออารมณ์ส่วนตัวและความเห็นแก่ตัวกันดีกว่าครับ
สำหรับอาการวันนี้ก็ดีขึ้น แพทย์ให้ยาในเส้นเลือดดำ พี่ได้กินยาต้านไวรัสไข้ลงแล้ว อุณหภูมิจาก 39 ลงมาแล้ว ให้ยาสองวันดีเลย แต่ไวรัสยังมีอยู่ พรุ่งนี้เอ๊กซเรย์ปอดเป็นครั้งที่สอง หมอกลัวลงปอดแต่ให้ยาต้านไวรัส มื้อละ 9 เม็ด”