“หม่ำ จ๊กมก” เล่าเส้นทางกว่าจะเป็นตลกซุปตาร์ พร้อมเผย 4 ผู้มีพระคุณในชีวิต
เป็นตลกซุปตาร์ที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับแฟนคลับมาอย่างยาวนานแต่ใครจะรู้กว่าจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในปัจจุบันนั้นค่อนข้างที่จะลำบากอยู่ไม่น้อย สำหรับ “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา” หรือ “หม่ำ จ๊กมก” โดยล่าสุดทางลูกสาวอย่าง “เอ็ม บุษราคัม” ก็ได้สัมภาษณ์ “หม่ำ จ๊กมก” ผู้เป็นพ่อถึงเส้นทางการเป็นตลกพร้อมผู้ที่มีพระคุณในชีวิตและอีกหลายเรื่องผ่านรายการ “ความลับในไหปลาแดก กว่าจะเป็น “หม่ำ จ๊กม๊ก” 2/2 อิหยังแว่!?! Ep.1” ทางช่องยูทูบ M Busarakum
อ่านข่าวต่อ : “เอ็ม บุษราคัม” โพสต์ข้อความHBDคุณพ่อ “หม่ำ จ๊กมก” อายุครบ 56 ปี
โดย “หม่ำ จ๊กมก” เผยว่า มีเงินติดตัวมา 60-70 จากจ.ยโสธรเข้ามากรุงเทพฯนั่งรถโบกรถมาลงสายใต้และได้นอนที่นั่นอยู่ถึง 2-3คืนจนไปสมัครเป็นคอนวอยวงลูกทุ่งพอดีเขาเห็นพูดเก่งเลยให้เล่นตลกในวงขำๆเล่นตลกครั้งแรกเป็นจันทโครพคนเต็มวัดรู้สึกอายไม่กล้าพูดเลยบอกทางวงว่าไม่พร้อมขอเข้าไปข้างในก่อนคนก็ขำนึกว่าเป็นมุขจนมาครั้งที่สองจึงเริ่มกล้าที่จะเล่น
ซึ่งจุดพลิกผันของชีวิตคือการได้มาอยู่กับคณะ “เทพ โพธิ์งาม” มี “เปี๊ยก ปากน้ำโพธิ์”ที่ ได้เสียไปแล้วพามาและความที่กล้าไม่กลัวก็กล้าเล่นทุกอย่างมีตบหัวกับ “น้อย โพธิ์งาม”ก็เล่นมุขแบบถึงเนื้อถึงตัวมีทาง “เทพ โพธิ์งาม”คอยห้ามทำให้ทุกอย่างลงล็อคดีเลยกลายเป็นตลกดาวรุ่งคนเดียวในตอนนั้นเลยและอยู่กับ “เทพ โพธิ์งาม” ได้ 3 ปีก็มาอยู่ชิงร้อยชิงล้านตอนอายุ 24-25ปีกว่าปัจจุบันก็กับเวิร์คพอยท์มา 31 ปีแล้ว
ทั้งนี้ “เอ็ม บุษราคัม” ได้ถามถึงรายชื่อผู้มีพระคุณซึ่ง “หม่ำ จ๊กมก”ก็ยกรายชื่อขึ้นมาอยู่ 4 คน คือ 1. “เปี๊ยก ปากน้ำโพ’ ซึ่งเป็นคนแรกที่ไปตามหาตนและทำให้ชีวิตเกิดการพลิกผัน คนที่ 2. เป็น “เทพ โพธิ์งาม” เป็นคนที่ลืมไม่ลงทำให้ชีวิตอบอุ่นเข้าใจตนมาก คนที่3. คือ “ปัญญา นิรันดร์กุล” ที่ทำงานอยู่ด้วยกันมานานมีความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวและเชื่อมั่นในความสามารถของตนใครมาชวนก็ไม่ไปทั้งที่พี่เขาไม่ได้ห้าม และคนที่ 4. เป็น “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” แห่งค่ายสหมงคลฟิล์มที่ให้โอกาสทำงานในเรื่องของภาพยนตร์ โดยหากให้เปรียบเทียบ “เทพ โพธิ์งาม” คือเสาเอก “ปัญญา นิรันรดร์กุล” คือกำแพง คอยกันไม่โดนลม “เสี่ยเจียง” คือหลังคากันไม่ให้เปียกฝน ส่วน “พี่เปี๊ยก” คือผู้ที่ดูแลความมั่นคงของชีวิตนั่นเอง
ซึ่ง “เอ็ม บุษราคัม” ได้ถามว่าตอนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตหรือยัง “ หม่ำ จ๊กมก” ก็บอกว่ายังเพราะมีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยท้อ แต่ถ้าท้อก็จะคิดถึงภรรยาลูกและหลานมีช่วงที่ท้อน้อยมากจะคิดคนเดียว คิดว่าถ้าตายหลานจะอยู่ยังไง “เอ็ม” จะอยู่ยังไง แม่ (ภรรยา)และ “มิกซ์”จะอยู่ยังไงด้วย
พร้อมกับได้ฝากข้อคิดที่ใช้ชีวิตอย่างลำบากก่อนที่จะมาเป็น “หม่ำ จ๊กมก” ในทุกวันนี้ว่า ต้องรู้คุณค่าของเงิน คุณค่าของชีวิต คุณค่าของความรักและครอบครัวและกาลเวลาก็ไม่ได้พิสูจน์ม้าวันเวลาก็ไม่ได้พิสูจน์คน ทุกอย่างเกิดขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง เพราะชีวิตของตนก็ผ่านหนทางที่แสนลำบากเคยเดินในท้องร่องแล้วก็มาเดินลูกรังเดินถนนยางมะตอยมาเดินทางคอนกรีตจนทุกวันนี้เดินบนทางมอเตอร์เวย์เรียบกริบในชีวิตก็เดินทางมาอย่างไม่ลำบากแล้วจนมาเป็น “หม่ำ จ๊กมก” ในวันนี้