ต้องเอาชีวิตให้รอด! “บอล วิทวัส” แพลนย้ายครอบครัวไปอยู่เยอรมันเพราะพิษโควิด
เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่โดนพิษโควิดเล่นงานเข้าอย่างจัง สำหรับนักแสดงหนุ่ม “บอล วิทวัส สิงห์ลำพอง” ถึงขั้นเตรียมย้ายครอบครัวไปเริ่มต้นใช้ชีวิตที่ประเทศเยอมัน ยอมรับเสียดายงานในวงการ ลั่นตอนนี้ก็ต้องเอาชีวิตให้รอด ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวควงภรรยามาเปิดใจผ่านรายการชื่อดังว่า
อ่านข่าวต่อ : ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เล่นงาน “บอล วิทวัส” ป่วยส่งท้ายปี
ผลกระทบจากโควิด19 ก็เจอมัน 2 ปี นะครับ คือเราก็มีงานแต่ว่ามันถ่ายแล้วไม่จบสักที ตอนนี้ก็มีละครอยู่ 2 เรื่องที่เหลือแค่คิวเดียวที่มันยังปิดกล้องไม่ได้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเพิ่งฟิตติ้งก็ยังเปิดกล้องไม่ได้ เรื่องของรายได้ก็เอาเงินที่สะสมไว้ ต้องเอามาใช้จ่ายทุกเดือนแต่ว่า “แนนนี่” เขาโชคดีที่เขามีร้านน้ำ ยังเปิดขายอยู่ที่โรงพยาบาล ก็เลยยังพอมีรายได้เข้ามาอยู่บ้าง จริงๆ ร้านก็ไม่ได้เล็กนะ รายได้ก็โอเคอยู่ แต่ในช่วงโควิดเขาไม่ได้เปิดให้เข้าไปนั่งทานปกติ คือต้องซื้อแล้วเวียนออกไปแต่มันก็ยังพอมีรายได้อยู่
ถ้าปีใหม่แล้วสถานการณ์ไม่ดีขึ้น บอลจะพาครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ จริงๆเป็นแพลนที่คิดไว้นานแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ผมคิดจะพาลูกไปเรียนที่เยอรมัน เพราะแนนนี่เป็นลูกครึ่งเยอรมัน ไม่ได้มีบ้านอยู่ที่โน่น คือถ้าไปเราก็ต้องไปเริ่มใหม่ แต่ด้วยความที่เรามี 2 สัญชาติ คือเรากลับไปเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วถ้าลูกไปอยู่ที่โน่น ลูกเรียนฟรี มันเป็นสวัสดิการของรัฐ ถ้าไปแรกๆ เราก็คงต้องเลี้ยงลูกไปก่อน แล้วหลักๆ ภรรยาก็ไปทำงาน เพราะเราไปที่โน่นเราต้องขอวีซ่า แต่ว่าลูกได้สัญชาติตามแม่ ถ้าไปแล้วผมได้ทำงานอะไรผมทำหมด คืองานอะไรก็ตามที่ทำแล้วเรามีชีวิตรอด เป็นอาชีพสุจริต ผมทำหมด ขอแค่อนาคตของลูกเมียเจริญเติบโต
จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เราคุยกันแล้วว่าถ้าเหตุการณ์มันไม่ไหวจริงๆ เราก็จะไปสตาร์นับหนึ่งใหม่ที่โน่นเลย แต่ในแพลนก่อนหน้านั้น คือเราก็คิดเผื่อไว้แล้วว่า ถ้าเรามีชีวิตที่ดีที่นี่ เราก็จะไปซื้อบ้านที่โน่น ไปทำธุรกิจที่โน่น ถามว่าเมื่อไหร่เอาเป็นว่า เหลือแต่ค่าตั๋วเครื่องบิน เราก็ขนกับไปเลย ไปกัน 4 คน เรื่องนี้เราก็มีคุยกับลูกไว้บ้างแล้ว ว่าถ้าไปโน่นหนูจะโอเคไหม ต้องไปเรียนที่โน่นนะ ด้วยความที่โรงเรียนหยุดไปนาน ก็เหมือนเขาลืม ขนาดอ่านหนังสืออ่านอย่างไรก็ลืมแล้ว ชื่อเพื่อนก็ลืมแล้ว
อยู่วงการบันเทิงมาตลอดต้องมาทิ้งวงการบันเทิงเพราะโควิด 19 ถามว่าเสียดายไหม เสียดาย แต่เราก็ต้องเอาชีวิตเราให้รอด เพราะอยู่ที่นี่มันไม่มีงาน เราทำอะไรไม่ได้ เราก็ต้องเลือกที่จะไปหาอะไรเพื่อให้เรามีชีวิตรอดต่อไป เพียงแต่ว่าตอนนี้เรามีผลิตภัณฑ์ของคุณ “แนนนี่” ที่มันยังพอไปได้ และมันก็น่าจะเติบโตประมาณหนึ่ง แต่เราก็พูดเผื่อกรณีที่มันไม่เวิร์ค เราก็อาจจะต้องไป