ฝ่าทุกดราม่า “พระมหาไพรวัลย์” โนสนโนแคร์แม้ยอดไลฟ์เหลือสิบคน
ยังทันกับกระแส พ.ส. สำหรับกรณีการไลฟ์สอนธรรมะของ “พระมหาไพรวัลย์” ที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ และเป็นเรื่องเด่นของปีนี้เรื่องหนึ่งก็ว่าได้ ไม่ว่าดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้น การถูกกรรมาธิการศาสนาสอบ กรณีการใช้ภาษาและกรณีสังคมวิจารณ์หนักหน่วงถึงการสอนธรรมะของท่าน
ดาราเดลี่ได้เปิดใจสัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวและประเด็นทางสังคมเช่นเรื่อง sex worker ด้วย
อ่านข่าวต่อ:“พระมหาไพรวัลย์-พระมหาสมปอง” ตอบปัญหาศาสนาบนไลฟ์
ดาราเดลี่ : กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ อาจจะมาช้าหน่อยแต่ก็มีประเด็นที่คนสนใจ ทั้งหมดทั้งปวงที่พระอาจารย์ไลฟ์มาพระอาจารย์ว่าจุดไหนที่มันกระทบพระอาจารย์แล้วก็พระมหาสมปองด้วย
พระอาจารย์ : ไม่กระทบสักเรื่องหนึ่ง สำหรับอาตมารู้สึกว่าไม่กระทบพระอาจารย์สมปองเองท่านก็คงไม่ได้มองเป็นเรื่องกระทบ แต่ว่ามันก็เป็นประสบการณ์ใหม่อะ การไลฟ์สดการพูดแบบนี้มันไม่เคยมีแต่ว่ามันอาจจะมีแต่ว่าในลักษณะรูปแบบที่มันเข้าถึงคนรุ่นใหม่คนกลุ่มใหม่ลักษณะที่เป็นแบบนี้มันไม่มี มันไม่มีแน่นอนเราทำอะไรแปลกใหม่อะไรของใหม่ มันก็ต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มีคนเห็นด้วย เห็นต่าง ไม่เห็นด้วย ถ้าถามว่าอาตมามองมันมีผลกระทบอะไรมั้ยก็ไม่นะ เราเรียนรู้ว่ามันมีประสบการณ์ที่มันเกิดดีกว่า
ดาราเดลี่ : เคยมีสักครั้งนึงที่พระอาจารย์ท้อ อยากสึกอันที่จริง
พระอาจารย์ : โอ้ย นั้นนานแล้วเรื่องนั้นก่อนที่จะมีไลฟ์ มีคนส่วนหนึ่งบวชอยู่ช่วงหนึ่งก็มีเรื่องที่อยากสึก อาตมาก็มีเรื่องปัญหาสุขภาพโยมแม่ด้วยอะไรด้วย บางอย่างมันก็อยู่มานานเพื่อนไปกันหมดก็มีบ้างก็อยากจะสึก แต่ก็เป็นแป๊ปๆ หนึ่งความคิดแป๊ปหนึ่ง
ดาราเดลี่ : ลำดับมาถึงโดนสอบโดน ตอนนี้พระอาจารย์ลำดับความสำคัญการไลฟ์ ลดความตลก ทำให้คนดูจากแสนเป็นหมื่นเนี่ยพระอาจารย์รู้สึกไงบ้างครับ
พระอาจารย์ : จริงๆ ก็คาดคิดไว้แล้วคนดูเป็นแสนทุกวันมันเป็นไปไม่ได้หรอก เราไม่ได้คาดหวังว่าให้คนดูเป็นแสนด้วยซ้ำ ว่าเราเคยไลฟ์แค่คนดูหลักสิบมันก็เยอะแล้วหลักร้อยก็เยอะแล้ว ตอนนี้คนยังดูเป็นหมื่นสองหมื่นเรารู้สึกว่ามันเยอะแล้ว ไม่ได้รู้สึกวอรี่อะไรรู้สึกว่าเยอะแล้วสองหมื่น เรามีกลุ่มคนที่เค้าตามเราเค้อยากฟังธรรมจากเราก็เป็นกำลังใจ สองทุ่มคนก็ทักมาถามอินบ๊อคว่าวันนี้พระอาจารย์ พส ไม่ไลฟ์เหรออะไรหรอ พอแล้วไม่ได้รู้สึกว่าคือแสนเลยมันไม่ใช่สิ่งที่หวังไว้เพราะฉะนั้นเท่าไหร่มันก็ดีหมด
ดาราเดลี่ : มันมีประเด็นมากมาย เช่น มีเรื่องของอาจารย์สอนเด็กที่เป็นโรคซึมเศร้า ข้อมูลเหล่านี้หรือทักษะเหล่านี้พระอาจารย์สอนเด็กยังไงครับ
พระอาจารย์ : ต้องเรียนรู้สังคม พระก็ต้องเรียนรู้สังคมต้องรู้ว่าปัจจุบันเนี่ยคนในสังคมเค้าคิดเค้าอ่านยังไง เค้ามองยังไง ปัญหาเด็กเด็กมีปัญหาเรื่องไหนบ้างหรือคนในสังคมมีภาวะความเครียดความอะไรในเรื่องไหน เราก็รู้เราก็เรียนรู้จากสังคมอ่านหนังสือนอกจากหนังสือที่มันเป็นธรรมะ นอกจากหนังสือธรรมะก็หาอ่านหนังสือหาความรู้เพิ่มเติมเราเรียนรู้กับสังคมอยู่ตลอดเวลา เราก็จะก้าวทันสังคมได้ไม่ยาก
ดาราเดลี่ : เท่าที่คนเข้ามาดูพระอาจารย์ไลฟ์ พระอาจารย์คิดว่าเด็กๆ รุ่นใหม่ต้องการหัวข้อธรรมะอะไรบ้าง
พระอาจารย์ : เค้าไม่ต้องการอะไรหรอก เค้าอยากให้เราคุยกับเค้า เค้าไม่ได้ต้องการจะมานั่งฟังเราคุยอย่างเดียวเค้าอยากคุยกับเรา อยากให้เราเปิดโอกาสให้เค้าได้ส่งข้อความมาหาเราได้บอกเล่าเรื่องราวของเค้า มันไม่ใช่เชิงเรื่องของการเทศนะที่จะมาไลฟ์เป็นการคุยมันเป็นการเปิดพื้นที่ของการพูดคุยให้เรากับคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาคุยกัน หยอกล้อกันบ้างคล้ายๆ เป็นพื้นที่ของความไว้วางใจระหว่างพระกับคนรุ่นใหม่ว่าสองทุ่มเรามาเจอกัน เครียดเรื่องนู่นเรื่องนี้เค้าคุยอะไรกันก็อ่านจากคอมเมนต์นั้นแหละ แล้วก็คุยเรื่องราวในคอมเมนต์ด้วยกับคนถาม
ดาราเดลี่ : คุยเรื่องภาษาของพระอาจารย์ มันต้องมีครูบาอาจารย์หลายท่านตำหนิติเตียนว่าอาจารย์ประดิษฐ์ภาษาใหม่ๆ ตรงนี้พระอาจารย์คิดว่าไงครับ
พระอาจารย์ : ถ้าท่านถนัดแบบไหนท่านก็สอนไปสิมันประดิษฐ์ไม่ได้ เมื่อก่อนพระอาจารย์พยอมท่านเทศ ท่านก็เทศน์ภาษาของท่านก็ภาษาใหม่หลวงพ่อพะยอมท่านแบบภาษาเก่าก็ไม่มีคนฟัง อาตมาว่ามันเป็นความสวยงามต่างหากนะ มันไม่ใช่เป็นความไม่ดีไม่งามเลยนะ ความใหม่มันก็คือความใหม่อะพอทุกอย่างมันมีของเก่ามันก็อยู่ไม่ได้ที่นี้ก็ต้องผสมของใหม่ไป รูปแบบวิธีการเทศน์ก็เหมือนกันขี้เกียจให้เหงื่อออกตามขุมขนขยันให้เหงื่อออกตามขุมขนอย่าขี้เกียจจนน้ำล้นออกทางตา พระอาจารย์สมปองระยะหนึ่งท่านก็เทศ ฟังธรรมะแล้วจะไม่โง่แต่ถ้าฟังโปเตโต้รักแท้ดูแลไม่ได้ เนี่ยมันก็ต้องมีรูปแบบอย่างเงี้ยพวกเราต้องเข้าใจก่อนว่ากลุ่มคนที่เราสอนคือใครคือเด็กรุ่นใหม่ ถ้าเมื่อไม่มีอะไรแบบเนี้ยไปคุยกับเค้าคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องเลยเลยต้องดูว่าเค้าสนใจอะไร ศัพท์ใหม่ที่เค้าใช้
ดาราเดลี่ : มีหัวข้อธรรมะที่เด็กๆ แชร์กันในโซเชียลมากมายที่พระอาจารย์ไปนั่งในหาดทรายอันนึงแล้วก็มันเป็นกลอนบทหนึ่งที่พระอาจารย์สอนว่าให้ทำตัวเป็นประโยชน์ในสังคม พระอาจารย์น่าจะจำได้
พระอาจารย์ : พระไม่ได้บอกว่าให้ทำตัวมีประโยชน์ในสังคมให้ทำตัวเป็นความสวยงามต่อสิ่งเล็กๆ บุคคลชอบไปนึกถึงว่าชีวิตจะสวยงามได้ก็ต่อเมื่อมีอะไรที่มันใหญ่ๆ มีบ้าน มีรถ มีเงิน มีทอง ถ้าเป็นสิ่งเล็กๆ มันก็สวยงามได้เหมือนเม็ดทรายในชายหาด เหมือนกับเกียวคลื่นเหมือนกับต้นไม้สายลมแล้วก็สิ่งเล็กๆ มันก็สวยงามได้
ดาราเดลี่ : แต่ละหัวข้อธรรมะที่ยากๆ พระอาจารย์ก็ย่อยๆ มาแล้วก็สื่อสาร
พระอาจารย์ : ธรรมชาติมันไม่ต้องย่อยเลยนะถ้าคนเข้าใจถึงความเป็นตัวเองมันจะเห็นอะไรที่มันอยู่รอบตัวธรรมะสำหรับสอนเราหมดแหละ ธรรมะใส่ใจในพระพุทธทาสท่านบอกว่าต้นไม้ก็สอนเรามากไปนั่งฟังก้อนหินสอนธรรมะก้อนหินมันพูดได้ที่ไหนละคนไม่เข้าใจด้วยว่าพระอาจารย์พุทธทาสบ้าไปแล้วให้ฟังก้อนหิน ความเงียบนั้นแหละมันสอนธรรมะ
ดาราเดลี่ : ผมอยากถามประเด็นทางสังคมนิดนึงที่วันสองวันเนี้ย มันมีประเด็นเรื่องการจับ Sex Worker น้องไข่เน่า นักกฎหมายบ้านเราเค้ามองว่าเป็นการเข้าสังคมคอมพิวเตอร์มันก็มองว่าเป็นเรื่องลามก อาจารย์มองเรื่องแบบนี้ยังไง
พระอาจารย์ : ปัญหานั้นแหละ ปัญหาก็คือนำเข้าสู่ระบบแล้วมันคัดกรองไม่ได้ปัญหาหนึ่งมันปิดกั้นแล้วมันคัดกรองไม่ได้มันก็สุ่มเสี่ยงที่เด็กที่ไม่บรรลุนิติภาวะผู้ใหญ่ไม่มีปัญหาอะไรหรอกเรื่องเพศเรื่องอะไร ผ็ใหญ่มันก็ต้องบรรลุนิติภาวะแล้วอะไรแล้ว แต่เราจะทำยังไงเมื่อข้อมูลนี้เข้าสู่ระบบแล้วมันมีเด็กและเยาวชนที่มันยังไม่บรรลุนิติภาวะไปดุไปอะไรอย่างเงี้ย หรืออีกทางหนึ่งเราก็ต้องคำนึงถึงข้อเสียหายแต่ก็เข้าใจประเด็นอยู่เหมือนกันที่จะทำยังไงให้มันแฟร์ทั้งบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้วทั้งกับกลุ่มเด็กก็ต้องหาวิธีคุยกัน
ดาราเดลี่ : ก็คืออาจารย์ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่ผิดมากหรือว่าไม่ผิด
พระอาจารย์: มันเป็นเรื่องที่ทั่วโลกเลยเรื่องทางเพศเนี้ย อาจารย์คงเอามาพูดไม่ได้เป็นเรื่องประเด็นของทั้งโลก
ดาราเดลี่ : พระอาจารย์ครับคือผมว่าเวลาไลฟ์ คือสังคมเราแตกแยกหลายสีนะครับเวลาพระอาจารย์โดนคอมเมนต์ว่า พระสมปองแดงอะไรเงี้ยพระอาจารย์รู้สึกยังไงหรือว่าแก้หรือพูดยังไงกับสิ่งนี้
พระอาจารย์ : มันห้ามไม่ได้หรอกคนเราความเห็นมันแตกต่างหลากหลายเราอยู่เฉยๆ มันก็ถูกป้ายสีเพราะสัคมไทยมันไม่มีพื้นที่ความเป็นกลางระหว่างบุคคลอะ มันพูดอะไรหน่อยหรือไม่พูดมันก็ยัดสีให้แล้ว หรือไม่พูดก็ไม่ได้ต้องออกมาพูดออกมาแสดงความคิดเห็น ถ้าไม่พูดก็อยู่อีกฝั่งเนี้ยสังคมมันบีบให้คนเลือกข้าง อาตมาว่ามันไม่โอเคสังคมประชาธิปไตยต้องมีพื้นที่กลาง พื้นที่กลางคือคนอยู่ตรงกลางเรามองฝั่งนี้เรื่องนี้เค้าอาจจะดีเรื่องนี้เค้าอาจไม่ดี มองฝั่งนี้เรื่องเค้าไม่ดีแต่เรื่องนี้เค้าอาจจะดีไม่ได้เหรอ มองคนทั้งสองฝ่ายแบบใช้ความอุเบกขาเรื่องไหนดีเราก็ว่าเค้าดี เรื่องไหนไม่ดีเราก็ว่าเค้าไม่ดีแต่ไม่ใช่ว่าต้องบังคับให้เลือกข้างใดข้างหนึ่งอาตมาว่ามันไม่แฟร์หรอก หลายคนก็อึดอัดใจพระอาจารย์สมปองก็อึดอัดใจ อาตมาก็อึดอัดใจว่าทำไมเราไม่เลือกแต่ทำไมเราถูกบีบให้เลือกถูกบังคับหาว่าเราเป็นนู่นเป็นนี่ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นมันก็ไม่เป็นธรรมกับเรา
ดาราเดลี่ : มันก็มีชาวเน็ตเอาพระอาจารย์ไปโคฟเว่อร์เป็นรัศมีแข
พระอาจารย์ : น่ารักดีออก อาตมาไม่ถือเลยน่ารักมาก รัศมีแขบ้างล่าสุดก็ทหารในค่ายพลทหารคนนึง เป็นเลยอาตมาไม่ซีเรียส อาตมาชอบน่ารัก
ดาราเดลี่ : อยากให้พระอาจารย์เอ่ยถึงนักแสดงหรือว่าดารานักร้องที่เป็นแบบอย่าง
พระอาจารย์ : นี่ไงพระมหาสมปองไงดาราแบบอย่าง ดารารุ่นพี่ ก็เป็นแบบอย่างท่านก็ทำงานเผยแผ่ก่อนอาตมาหลายสิบปี เป็นสิบยี่สิบปี อาตมาเป็นรุ่นน้องท่านเดินตามรอยท่านก็เป็นแบบอย่างเราก็มีแบบอย่าง หลายอย่างครั้งก่อนเราอาจจะไม่เห็นว่าทำไมท่านต้องทำแบบนี้แบบนั้น พอวันนึงเรามาอยู่จุดนี้เองเราก็เริ่มเรียนรู้เข้าใจว่าทำไมต้องมีมุขบ้าง ทำไมต้องตลกแล้วก็ทำให้เราเรียนรู้เข้าใจว่ามันต้องเทคนิคอะไรบางอย่างถ้าเราอยากจะให้ธรรมะเข้าถึงคนรุ่นใหม่
ดาราเดลี่ : แสดงว่าตอนนี้ที่พระอาจารย์ไลฟ์เป็นการทำก็คือสำหรับเด็กๆ โดยจะเน้นธรรมะ หรือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว
พระอาจารย์ : คิดว่าพอใจไม่รู้ว่าประสบผลสำเร็จมั้ย แต่พอใจแล้วกับงานที่เป็นอยู่ตอนนี้ที่ทำอยู่ตอนนี้นะ
ดาราเดลี่ : สุดท้ายในตอนนี้โควิด คนก็ยังเป็นกันเป็นหมื่นางคนก็ยังเจ็บป่วยอยู่ บางคนหางานทำบางคนเป็นทุกข์ พระอาจารย์ผมเคยไลฟ์พระอาจารย์อาจจะจำไม่ได้หลายปีแล้ว จะขอธรรมะในการที่คนช่วยบรรเทาทุกข์ ทุกข์ใจหาเตียง ทุกข์ใจหารายได้ ทุกข์ใจที่จะหายจากโรคภัยพระอาจารย์
พระอาจารย์ : ต้องช่วยกันอาจารย์พยอมท่านบอกว่าในยุคนี้เป็นยุคที่คนมีกำลังใจต้องช่วยคนหมดกำลังใจ คนเข้มแข็งต้องช่วยคนอ่อนแอร์ คนมีสติมีปัญญาอาจต้องช่วยคนที่เค้าอาจลืมสติลืมปัญญา ต้องช่วยกันสังคมมันอยู่โดยใครคนใดคหนึ่งไม่ได้ เรารู้ว่าคนลำบากต้องช่วยกัน ภาครัฐก็ต้องช่วย คนที่มีกำลังมีอะไรต้องช่วยกันแล้วสังคมมันจะน่าอยู่ แต่ถ้าสังคมมันมีโรคภัยไข้เจ็บมันมีอะไรอย่างงี้แล้วคนยังเอาเปรียบกัน แสวงหาประโยชน์กันขายของก็แพงเจลก็แพงแฮกอฮอล์ก็แพงทุกคนมันก็ตาย ตายซ้ำตายซ้อนเพราะว่าคนมันถูกเอารัดเอาเปรียบ งั้นต้องช่วยกันนะสังคมจะน่าอยู่เพราะว่าเราช่วยกันสภาพสังคมอาจจะย่ำแย่แต่ถ้าคนในสังคมจิตใจดีสังคมจะน่าอยู่ฝากไว้ แล้วให้กำลังใจญาติโยมทุกคนทุกท่านที่อาจจะเคยป่วยโควิดเคยอาจจะกำลังคิดล้มเหลวอะไร
ดาราเดลี่ : วันนี้โควิดหมื่นสามแล้วพระอาจารย์ไม่น้อยนะฮะที่ป่วยอยู่
พระอาจารย์ : ให้กำลังใจ ใช้ความทุกข์เป็นบันไดดีกว่าอย่าทำความทุกข์ให้เป็นหลุมฝังศพ สำหรับเราใช้เป็นบันไดที่เราจะเหยียบก้าวเข้าไปชีวิตยังมีใหม่ได้เหมือนตอนนี้ฝนตกเดี๋ยวฟ้าก็สว่าง ฟ้าหลังฝนจะสวยงามชีวิตเราก็เหมือนกัน ตอนนี้ฝนตกมันจะครึ้มๆ หน่อยเดี๋ยวฝนหายมันจะสว่าง