สู้โควิด “ต้น พิทักษ์” ทำกับข้าวหาเงินส่งลูกเรียนหนังสือ
ชีวิตจริงของนักแสดงนั้น ยิ่งกว่าละครหลายเท่า ใครเลยจะคิดว่า “ต้น พิทักษ์ ธนวัฒน์ภัทร์กุล” จากพระเอก 7 สี เมื่อเจอกับพิษโควิด19 เขาต้องผันตัวมาทำกับข้าวขาย
ดาราเดลี่ได้เดินทางไปหลังเวทีอีเว้นท์งานหนึ่ง ที่นั่นผู้เขียนได้พบกับ “ต้น พิทักษ์ ธนวัฒน์ภัทร์กุล” ครั้งหนึ่งเขาคือพระเอกภาพยนตร์ไทยและเคยเป็นนักแสดงนำในละคร 7 สีหลายเรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน
อ่านข่าวต่อ:“นก บริพันธ์” เชิญชวนคนไทยร่วมงานวันภูมิปัญญาการแพทย์
“ต้น พิทักษ์” หยุดพักวางมือจากการคุมงานอีเว้นท์หลังเวทีซึ่งเป็นการแสดงดนตรีย่อยๆ ลงมาคุยกับดาราเดลี่เล่าว่า หลังจากโควิด19ระบาด เขาไม่มีงานเลยสองปีเต็ม
เขาเผยว่า “โควิดกระทบผม 2 ปีเต็มๆ ผมไม่มีละครเลย ทุกอย่างกระทบมากทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เรื่องสุดท้ายผมเล่นรับเชิญ ที่มี “อั้ม พัชราภา” เป็นนางเอก
ถามว่าหนักแค่ไหนและผ่านโควิดมาได้อย่างไร “ต้น พิทักษ์ ธนวัฒน์ภัทร์กุล” เผยว่า ผมมีลูก 1 คนกำลังเรียนม.1 ผมต้องตัดสินใจขายรถเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว และประหยัดมากเท่าที่จะทำได้ ถามว่าผมไม่มีงาน ทำอะไรกิน พอดีผมพอมีทักษะเรื่องทำอาหาร ก็ลงทุนทำอาหารส่งตามร้านต่างๆ คือเป็นกับข้าวส่งตามโรงอาหาร ทำแบบนั้นเป็นปี และสู้ที่สุดเพื่อลูก
ผ่านไปได้ 1 ปีผมคงจะตายไปแล้วถ้าผมไม่เจอพี่ “นก บริพันธ์” บิ๊กบอสผู้บริหารแห่งบริษัท 7 สตาร์ ผลิตรายการชุมทางดาวทองให้ช่อง 7
พี่ “นก บริพันธ์” มาคุยกับผมว่าเดี๋ยวมาทำงานกัน มาดูแลกัน มีงานทำในบริษัทมาช่วยกันไปก่อน ผมตัดสินใจทำงานกับพี่นก ถ้าไม่มีพี่นก ผมคงลำบากมากๆ ตอนนั้นที่โควิดระบาดหนักๆ ผมทำกับข้าว ส่งตามบ้านเพื่อนๆ อาทิตย์ต่ออาทิตย์ แต่คิวหลักเป็นของพี่นก พอมีละครก็แจ้งบริษัทพี่นกเขา อย่างงานอีเว้นท์ ของพี่นก ก็ต้องมาช่วยงานให้เต็มที่ มายกของ จัดเก้าอี้ คุมสวิตช์
เขาเผยว่า ผมมีลูกคนหนึ่งอายุ 12 เพื่งเข้าม.1 ตอนที่ต้องขายรถเพื่อหาเงินส่งลูกเรียนมันเป็นบทเรียนที่ผมจดจำได้ไปตลอดชีวิต และหากไม่มี “นก บริพันธ์” ผมคงตายไปแล้ว
เมื่อคุยเสร็จเขาก็ขอตัวเพื่อไปทำงานอีเว้นท์ในหน้าที่ต่อไป เขายังทิ้งคำพูดให้ผู้เขียนได้จำว่า จงอย่าหมดหวังสู้ๆนะครับพี่
สำหรับผู้ที่สนใจจะสนับสนุนงานเขา ละครเรื่องล่าสุดจากศัตรูสู่หัวใจ ส่วนเรื่องที่กำลังถ่ายอยู่ชื่อสร้อยนาคีของ ช่อง7 ฝากติดตามกันได้