ยกย่อง “พรฟ้า ปุณิกา” ผู้เปิดโปง “ตากล้องข่มขืนนางงาม” 

ยกย่อง “พรฟ้า ปุณิกา” ผู้เปิดโปง “ตากล้องข่มขืนนางงาม” 

       จากกรณี พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต. ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผบก.ปฏิบัติการพิเศษ ,พ.ต.อ ณรงค์เวทย์ โอนสูงเนิน รอง ผบก.ปฏิบัติการพิเศษ ,พ.ต.อ. วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.ปฏิบัติการพิเศษ, พ.ต.ทเจษฎา โสมนัส ,พ.ต.ท.วิศิษฎ์ ศรียาภัย รอง ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.ปฏิบัติการพิเศษ พ.ต.ท.สุริยา นาคประนม สว กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.ปฏิบัติการพิเศษ นำกำลังจับกุมนายธนวรรธน์ วิเศษนรากุล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/13 ม.1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ที่747/2564 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน ในความผิดฐาน"ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นด้วยประการใดๆโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้" โดยจับกุมได้ริมถนนคลองห้าตะวันตก คลองหลวง  จ.ปทุมธานี  หรือที่เป็นแฮชแทกว่า ตากล้องข่มขืนนางงามนั้น

อ่านข่าวต่อ: รวบ “ช่างภาพข่มขืนนางงาม” เจ้าตัวปัดอ้างสมยอม 

       ล่าสุดได้มีผู้แชร์กันว่าผู้พบเห็นเหตุการณ์และได้รับเรื่องจากน้องๆ ผู้เสียหายรายแรกคือ“พรฟ้า ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์”   รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์2020 จึงได้ประสานทางกองประกวดเพื่อดำเนินการจับกุมคนร้าย 
       ประวัติ  “พรฟ้า ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์” ในปี 2556 ชนะการประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2013 และได้เป็นตัวแทนสาวไทยในการเข้าร่วมประกวดมิสเอิร์ธ 2013 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ และได้รับตำแหน่ง Miss Earth Water 2013

       ในปี 2557  “พรฟ้า ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์” ได้ถูกรับเลือกให้เป็นตัวแทนสาวไทยอีกครั้งในการเข้าร่วมประกวดนางงามนานาชาติ 2014 ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 แต่เพราะเธอไปร่วมการประกวดครั้งนี้ทำให้เธอถูกปลดจากตำแหน่งมิสเอิร์ธ water เพราะอยู่ไม่ครบวาระ 1 ปี ปุณิกาจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนประจวบวิทยาลัย จบระดับปริญญาตรีจาก คณะเกษตร สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ (วิทยาศาสตรบัณฑิต) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน) และปริญญาโทจาก คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
        เธอยังมีผลงานในศซิทคอมอาทิ 3 หนุ่ม 3 มุม x2 ตอน ต่างคนต่างพูดไม่ออก อีกด้วย 

       ด้าน “สาคร ศิริชัย” ทนายความชื่อดังทีทำงานคดีให้นักแสดงหลายคดีเผยว่า  ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราได้บัญญัติอยู่ในความผิดเกี่ยวกับเพศ ในประมวลกฎหมายอาญาตั้งแต่มาตรา 276 ถึงมาตรา 277 ตรีซึ่งโทษกฎหมายได้กำหนดตั้งแต่โทษสถานเบาคือตามมาตรา 276 วรรคแรกจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึง 20 ปีและปรับตั้งแต่ 80,000 บาทถึง 400,000 บาทและกฎหมายได้กำหนดโทษสูงขึ้นตามลักษณะและพฤติการณ์การกระทำความผิดเช่นกระทำโดยมีและใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือกระทำร่วมกัน หลายคนอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงโทษก็จะหนักขึ้นตามลำดับและนอกจากนี้ถ้ากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี   โทษก็จะสูงขึ้นอีกนอกจากนี้โทษสูงสุดถ้าการข่มขืนเป็นเหตุให้ผู้ถูกข่มขืนถึงแก่ความตายโทษสูงสุดคือประหารชีวิตซึ่งกฎหมายได้กำหนดระวางโทษตามพฤติการณ์แห่งการทำความผิด
       ส่วนประเด็นทางสังคมที่เรียกร้องให้มีการกำหนดโทษข่มขืนให้ประหารชีวิตสถานเดียวนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเนื่องจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศนั้นมีพฤติการณ์หนักเบาแตกต่างกันเช่นการกระทำความผิดระหว่างคู่สมรส หากคู่สมรสประสงค์จะอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาต่อไป  ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้และนอกจากนี้การที่รณรงค์ให้กฎหมายกำหนดโทษในการกระทำความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ให้หนักขึ้นมิได้เป็นผลให้อาชญากรรมลดลงแต่ในทางตรงกันข้ามอาจทำให้เกิดอาชญากรรมอื่นที่รุนแรงขึ้นเพราะผู้กระทำผิดมักจะกระทำความผิดอื่นๆเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตนเพราะเกรงจะถูกลงโทษสถานหนักเรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง