อ่านแล้วมีจุก! “หมอเจี๊ยบ” ร่ายยาวถึงการจราจรในเมืองไทย เรื่องจริงทุกบรรทัด
ต้องสูญเสียเพื่อนรักอย่าง “หมอกระต่าย” ไปอย่างไม่มีวันกลับ สำหรับ “หมอเจี๊ยบ ลลนา” หลังเสียชีวิตจากการถูกรถบิ๊กไบค์ชนขณะข้ามทางม้าลาย ซึ่งในวันเกิดของเพื่อนแทนที่จะได้เป่าเค้กวันเกิด กลับต้องนำอาหารเกาหลีที่เพื่อนชอบมาให้ในงานศพ แถมยังเป็นการสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์คนสำคัญอีกด้วย
ล่าสุด “หมอเจี๊ยบ” ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจราจรในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นทางเท้า ทางจักรยาน ทางม้าลาย โดยมีข้อความว่า...
“ต้องใหญ่โตถึงระดับไหน ? ถึงจะเปลี่ยนแปลงการคมนาคมขนส่งและการจราจรในบ้านเมืองนี้ได้? ในเมื่อทุกคนเห็นและรับรู้ปัญหาเหมือนๆกัน
-ทางเท้า/ทางจักรยานต่างๆที่ไม่ปลอดภัยและใช้งานไม่ได้จริง
-ทางม้าลายที่มีไว้ให้รถไปก่อน
-ไฟทางสวยงามทั่วประเทศ ต้องติดให้เยอะๆ? เพราะใช้งานจริงมันจะติดบ้างไม่ติดบ้าง ทางกลับรถบนถนนใหญ่สายหลักในจุดเสี่ยง ที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำบ่อยๆ
เลยต้องเอาแบริเออมากั้นปิดตายแต่ไม่มีงบสร้างสะพานกลับรถดีๆสักที
- ใช้งบไปแก้ซ่อมทางรายปีที่ยังไม่ทันพังก็จะซ่อมวนไปทั้งปี
- ป้าย "ง่วงไม่ขับ", "ง่วงจอดพัก" เต็มถนนสายหลักแต่ไม่มีจุดปลอดภัยที่ให้จอดได้
-ป้ายจำกัดความเร็วและป้ายบังคับต่างๆที่ขัดกันเอง
(เคยเจอ ป้ายบังคับความเร็ว 30, 60 kphสองป้ายที่ปักห่างกัน 10m จะเอาไง?)
- คนจอดรถกันตรงที่ห้ามจอด หรือไม่ควรจอด(เคยเจอรถบัสและรถตำรวจจอดแช่ค้างคืนกันอยู่หน้าป้ายรถเมล์ที่ทาขาวเหลืองต้องออกมายืนโบกรถเมล์กลางถนนทุกวัน)
- รถเมล์จอดรับส่งผู้โดยสารที่เลนส์กลาง และบางทีไม่ต้องหยุดสนิท วิ่งชะลอให้คนวิ่งตาม ขึ้น-ลง เอาเอง
- ขนส่งมวลชนที่ขาดแคลนทั้งปริมาณและคุณภาพ(ยิ่งช่วงโรคระบาดก็ลดรอบ ลดจำนวนไป ให้ยิ่งแออัดอีก)
-ตามมาด้วยปัญหามอเตอร์ไซค์ และ taxi เกลื่อนเมือง(รถยิ่งติด และอุบัติเหตุยิ่งมากขึ้น)
-ส่วนที่คิดว่าพอจะสะดวกบ้าง(BTS/MRT) ก็ปรับราคาโครตแพงไปเรื่อยๆ จนคนไม่ไหวกันไปเอง
-ขนส่งมวลชนระบบรางของประเทศที่ห่วยขนอะไรใหญ่ๆไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน? เลยต้องใช้รถพวงวิ่งขนส่งกันเกลื่อนเมือง
- รถเก่าๆรุ่นที่เคยเห็นตั้งแต่เราเรียนประถมก็ยังต่อ พรบ. ได้ ออกมาวิ่งกันปกติ
- คนโดยสารรถส่วนตัวอย่างไม่ปลอดภัยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซ้อนกันเต็มที่นั่งกันจนล้นซาเล้ง หรืออัดกันมาหลังรถกระบะ
-คนขี่มอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่ใส่หมวกกันน๊อค(ขนาดเห็นว่าเดี๋ยวนี้ใส่ mask กันได้ทุกคน
-ใบรับรองแพทย์ไปออกใบขับขี่ที่แทบจะอะไรๆก็ได้หมด เพราะตรวจสอบข้อมูลเจ็บป่วยไม่ได้จริง(แบบป่วยรักษา รพ .นี้ แต่ไปขอใบรับรองแพทย์อีก รพ.แจ้งว่าแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว ทั้งที่กินยาคุมอาการอยู่)
- อายุเท่าไรก็ขับรถได้ แม้จะเด็กอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ใบขับขี่ หรือแก่จน 80+ แล้ว ก็ยังให้ขับแม้ว่าจะตัดสินใจได้ช้ากว่าความเร็วรถไปมากก็ ok?
ลองมองรอบตัวว่ามีใครไม่เคยสูญเสียคนที่รักจากระบบการจราจรของไทย คงจะไม่มี #ส่งหมอกระต่าย #RIPKT #อยากให้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย #ประเทศที่คนตายจากอุบัติเหตุจราจรเป็นอันดับ3ของโลก”
นอกจากนี้ “หมอเจี๊ยบ” ยังเขียนแคปชั่นแสดงความคิดเห็นอีกว่า“ไม่อยากเรียกว่าเกิดอุบัติเหตุ เพราะการเรียกว่าอุบัติเหตุจะถือว่ามันป้องกันไม่ได้ ส่วนตัวยังไม่ซื้อคำว่า จิตสำนึก ทั้งหมดซะทีเดียวเพราะจริงๆคนในประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว ไม่ได้มีจิตสำนึกเหมือนกันหมดทุกคน แต่เค้ากลัวกฎหมาย และบทลงโทษที่รุนแรงเมื่อทำผิด จึงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด การแก้ปัญหาที่เป็นไปได้จริงภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเริ่มต้นมาจากที่โครงสร้าง ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการมาบอกแค่ว่า ต้องเริ่มจากการปลูกฝังให้แต่ละคนมีจิตสำนึกกันเอง
#ส่งหมอกระต่าย #RIPKT #อยากให้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย credit : @promegranate”
ทั้งนี้ก็มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นกันมากมาย เช่น ต้องรออีกกี่ความสูญเสีย ถึงจะยอมปรับกันจริงจัง #ขอความปลอดภัยให้คนไทย #ripkt,จริงทุกบรรทัดเลยค่ะ,เห็นด้วยทุกประการเลยค่ะคุณหมอ,จริงค่ะ บางพื้นที่มีไฟ แต่ไม่เปิด มืด จุดบอด เกิดอันตรายอุบัติเหตุบ่อยมาก ต้องให้เกิดถึงมาคอยแก้ไข วัวหายค่อยล้อมคอก มีให้เห็นตลอดจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีเปลี่ยนแปลงพัฒนาแก้ไขแต่อย่างใด ระบบห่วยแตก ฯลฯ