เชิ่ดใส่ค่ะ! “น้ำผึ้ง ณัฐริกา” ไม่สนพวกคอมเมนต์แซะอายุเยอะแล้วทำไมกล้าใส่ชุดว่ายน้ำ

เชิ่ดใส่ค่ะ! “น้ำผึ้ง ณัฐริกา” ไม่สนพวกคอมเมนต์แซะอายุเยอะแล้วทำไมกล้าใส่ชุดว่ายน้ำ

           ห่างหายจากการถ่ายแนวเซ็กซี่ไปนานนับสิบปี สำหรับนักแสดงสาว “น้ำผึ้ง ณัฐริกา” วัย 43 ปี แต่หลังจากที่หันมาดูแลตัวเองอย่างหนัก จนน้ำหนักลดลงไปมากกว่า 10 กก. ทำให้มีความมั่นใจกล้ากลับมาใส่ชุดว่ายน้ำอวดหุ่นแซ่บอีกครั้ง

          ล่าสุด “น้ำผึ้ง” ได้ออกมาเปิดใจถึงประเด็นนี้ในรายการแซ่บโชว์ว่าลบปม 10 ปี ที่ไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำ พร้อมเคลียร์ดราม่าถูกแซะใส่ชุดว่ายน้ำทำไมอายุเยอะแล้วแบบหมดเปลือกว่า..

พิธีกร : แซ่บมาก ไม่คิดว่าน้ำผึ้งจะทำอะไรแบบนี้?

น้ำผึ้ง : แต่ก่อนเราไม่ค่อยมั่งใจไง มันยังไม่มีความแซ่บขนาดนี้ ก่อนหน้านั้น 10 ปีก็เคยถ่ายหนังสือ แต่หลังจากนั้น 10 ปี หุ่นเรามันก็ไม่เสถียร

พิธีกร : ล่าสุด ทองกาว 2022 ทำไมถึงถ่าย?

น้ำผึ้ง : พอเราเริ่มมีความแซ่บเรื่อยๆ เราก็มีความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ อย่างรูปที่เอาขายกขึ้นมา จะได้เห็นสัดส่วนว่ามันโอเคไหม

พิธีกร : แล้วกระแสเป็นไงบ้าง ช่วงหนึ่งหายไปเลย?

น้ำผึ้ง : ก็หายเหนื่อยนะ เพราะที่ผ่านมาใช้ความพยายามเยอะมาก ทั้งออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร

พิธีกร : เห็นมีคนคอมเมนต์แซะด้วย?

น้ำผึ้ง : ไม่โกรธค่ะ ก็อยากถ่าย ก็สวยอ่ะ คนชมก็ขอบคุณค่ะ ดีใจเพราะอดทนมานาน ภาพที่ออกไปก็รู้สึกประสบความสำเร็จส่วนกระแสที่ไม่ดีก็ขอเชิ่ดใส่ค่ะ

พิธีกร : เห็นมีคำหนึ่งที่โกรธ แล้วจะฟ้อง?

น้ำผึ้ง : ติสแตก เพี้ยน อะไรแบบนี้ คนบอกน้ำผึ้งอาร์ตติส โอเคเราชอบมันดูศิลปินยิ่งใหญ่ แต่คำว่าติส มันเหมือนคนที่ทำงานไม่ได้ ซึ่งมันมีผลกระทบกับงาน คำว่าเพี้ยนก็ไม่ได้ เพราะมันก็กระทบกับงาน เหมือนเราคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง ซึ่งเราทำงานดี มีเหตุผลมาก

พิธีกร : คิดไหม ทำไมคนถึงพูดแบบนี้?

น้ำผึ้ง : เข้าใจนะ เราไม่ได้เป็นแบบที่ดาราคนอื่นเป็น เราอยากอยู่เราก็อยู่ เราอยากไปเราก็ไป เราเป็นคนมีความเป็นตัวเราเองสูงมาก

พิธีกร : ตอนที่ออกจากวงการที่บ้านว่ายังไง?

น้ำผึ้ง : ก็ห้ามค่ะ อยากให้เป็นดารา เพราะแม่ถูกชวนเป็นดารา แต่ก๋งไม่ยอม สมัยนั้นคือเต้นกินรำกิน พอเราเป็นดาราแม่ก็เลยส่งเสริม ตอนนั้นแม่ก็คัดค้าน ให้คนในครอบครัวมาหว่านล้อม แต่เขารู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น เพราะเราดื้อ ตอนนั้นก็กดดันร้องไห้เลย เราเป็นคนไม่ดีใช่ไหม แต่ถ้าเราไม่ออกไปเรียนรู้ เราก็จะรู้ จะพูดแต่เรื่องของตัวเองตลอดเวลา เพราะดาราตอนนั้นมีแต่คนล้อมรอบ มีแต่คนเอาใจดูแล อยากได้อะไรก็ได้ เอาแต่ใจตัวเองมาก ซึ่งเราว่ามันก็มีทั้งความน่ารัก ไม่น่ารัก เอาแต่ใจตัวเอง เสื้อผ้าเราเล็งรังดุมเลยนะ ว่าละเอียดหรือเปล่า ก่อนให้ใส่ซักรีดหรือยัง จุกจิกมากๆ เราไม่มีความสุขเลย อะไรที่ไม่สมบูรณ์แบบย่อมมารายล้อมตัว

พิธีกร : น้ำผึ้งวันนั้น กับน้ำผึ้งวันนี้ ต่างกันยังไง?

น้ำผึ้ง : สมัยก่อนจะเป็นภาพที่เพอร์เฟกต์ พูดอะไรทุกอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างมันดี แต่น้ำผึ้งสมัยนี้ เราพูดกันได้ มันเป็นเสน่ห์ของคนรุ่นใหม่ พูดอะไรแชร์ออกมา เป็นความจริง มันรู้สึกสบายใจ พูดทุกอย่างที่อยากพูดได้

พิธีกร : เห็นตอนนั้นบอกว่ารู้สึกตัวเองดีไม่พอ?

น้ำผึ้ง : เราหาเงินได้เยอะ มีทุกสิ่งอย่าง ซึ่งคิดว่าเรามีตรงนี้เราจะมีความสุข แต่ทำไมเราไม่มีความสุข หรือเรายังไม่ดีพอ เราต้องทำอะไรอีกไหม อะไรคือคุณค่าที่แท้จริงๆ ปรากฎว่าเราได้รู้จักคุณหมอที่ช่วยมะเร็งกล่องเสียง คุณหมอเลยให้ช่วยคนที่ไม้ได้กลิ่นอีกแล้ว กลับมาได้กลิ่นอีกครั้ง เรามีส่วนช่วยในเรื่องของอโรม่าเทอราพี แล้วโครงการนั้นก็ประสบความสำเร็จ มา 20 ปี ผลคือ 90 % ที่ได้กลิ่นอีก เพราะฉะนั้นอยากจะบอกว่า ใครที่เป็นมะเร็งกล่องเสียง ยังมีความหวังนะคะ ก็ติดต่อมาได้ค่ะ เพราะคนที่เป็นมะเร็งกล่องเสียง จะหายใจทางคอแทน ลมหายใจจะขึ้นที่คอ ไม่ถึงจมูกกลิ่นก็เลยไม่ขึ้น

พิธีกร : ถ่ายเซ็กซี่พี่เป้ว่ายังไง?

น้ำผึ้ง : พี่เป้บอกว่าเซ็กซี่เหมือนกันนะ ปกติเป็นคนแต่งตัวง่ายๆ หน้าสด เขาก็ตกใจนึกว่าได้แฟนใหม่ เขาก็ชมว่าเดี๋ยวนี้แต่งตัวเซ็กซี่จัง ซึ่งปกติเขาไม่ชมเลย

พิธีกร : คบ 20 ปี ทำไมคลั่งรัก?

น้ำผึ้ง : เขาเป็นคนน่ารัก เป็นคนใจดี ที่คบกันนานเพราะเขาใจดี เขารักสัตว์ ใจดี จนเรายอมแพ้ใจ เช่นเราไปซื้อปลากัน เราขับรถให้พี่เป้ถือปลา แล้วเจอหลังเต่า พี่เป้ก็ยกปลาขึ้น เราก็ถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้คะ เขาบอกว่าเดี่ยวปลามันเวียนหัว คนแบบนี้เราจะไม่ปล่อยให้หลุดมือค่ะ

พิธีกร : เขาดูแลน้ำผึ้งดีขนาดไหน?

น้ำผึ้ง :เขาดูแลทำอาหารให้ทาน ส่วนเรามีหน้าที่กินอาหารให้หมดค่ะ ต้องกินอาหารเช้าด้วยกัน เขาละเอียดอ่อน เขารู้จักความรัก เรารู้จักแต่รักตัวเอง เราไม่เคยแคร์ใคร อยากเดินห้างเราบอกจอดให้เราเดินก่อน เขาบอกว่าไม่ได้ต้องเดินพร้อมกัน ต้องเดินพร้อมกัน จับมือกัน เราก็ว้าว นี่เหรอที่เรียกว่าความรัก

พิธีกร : ทำไมถึงยังไม่แต่งงาน 20 ปี ใช่ขนาดนี้?

น้ำผึ้ง : จริงๆผู้ใหญ่รับรู้แล้ว ผ่านขั้นผู้ใหญ่รับรู้ว่าอยู่ด้วยกัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็อนุญาตยินดี เราก็เลยรู้สึกว่าเสต็ปนี้มันผ่านไปแล้ว มันไม่โดนข้อครหาเกี่ยวกับการข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่ แต่มันมีเรื่องโควิดอะไรด้วย ผู้ใหญ่ก็อยากให้แต่ง แต่ช่วงนี้มันก็ไม่ใช่ ไหนๆเขาก็รู้กันแล้ว เลยปล่อยเลยตามเลย คือตอนนี้ถูกต้องตามประเพณี เหลือแค่จัดงาน จริงๆถ้าไม่จัดงานก็ดีค่ะ ง่ายๆ แต่เราก็พูดไม่ได้เห็นเพื่อนแต่งสวยๆ ฉันก็อยากแต่ง เพราะตอนนี้ฉันก็สวยแล้ว

พิธีกร : สาเหตุทำไมกลับมาสวย?

น้ำผึ้ง : เราปล่อยตัวช่วงโควิด เป็นผีทุเรียน ชอบดึกๆลงมาตู้เย็น ชอบซื้อทุเรียนดิบๆไว้ในตู้เย็น มากินตอนดึกๆ ตอนถึงตอนที่มันแย่ เราก็ทำงานยาก ใส่ชุดถ่ายละครยาก หนักสุด 65 ค่ะ โหดค่ะ หน้าใหญ่ ตัวใหญ่ กองถ่ายบอกน้ำผึ้งไม่ไหวแล้วนะ เราก็เลยรู้สึกว่าเราต้องปรับเปลี่ยนเพราะกระทบกับงาน แม้ว่าพี่เป้บอกน้ำผึ้งยังไงก็สวย ก็เลยมาได้ไอเดียว่าจะต้องออกกำลังกาย ต้องควบคุมอาหาร ไม่กินตามใจปาก