“อัจฉริยะ” แฉยับ ขบวนการขโมยศพแตงโม เผยตำรวจยศ พล.ต.ต. “ว” เป็นหัวเรือใหญ่บงการ
วันที่ 9 พ.ค. 65 อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ใจความว่า มีการพิสูจน์เรื่อง GPS ที่ตำรวจทำสำนวนเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แก้ไขข้อมูลได้ เรื่องความเร็วบางจุดก็ไม่เป็นความจริง ที่บอกว่าใช้เวลา 3 นาที ตามจริงใช้ 9 นาที หากใช้เวลา 3 นาที เรือจะวิ่ง 44 กม./ชม. ซึ่งมันเท่ากับเหาะ ในตำแหน่งที่อ้างมาว่าจอดเรือ มันสามารถแก้ไขได้หมดดังนั้น GPS ที่ทำมาไม่น่าเชื่อถือ และ GPS เวลาเดินตามระยะทางใน 1 วินาที จะมีการบันทึก 10 บรรทัด แต่ที่ได้มีการนำไปโชว์ในรายการหนึ่ง มีแค่ไม่ถึง 20 บรรทัด ทั้งที่เวลาบันทึก 2 นาที หากบันทึก 2 นาที ก็ต้องมี 1,200 บรรทัด ข้อมูลมันหายไปไหน การที่เขาตัดช่วงเลือกเอาบางตอนมา มันก็เท่ากับว่าสามารถแก้ไขได้ มันจึงไม่น่าเชื่อถือ
นอกจากนั้นก็สงสัยกระติกเรื่องภาพที่โพสต์ตอน 22.13 น. เพราะมีการโทรแจ้งบริการ U drink I drive เวลา 22.11 น. และตาม GPS ตำแหน่งตอนโทรแจ้ง มันเลยจากจุดที่ถ่ายรูปไปแล้ว บันทึกของ GPS ก็ไม่ได้บอกว่ามีการย้อนเรือไปถ่าย จึงสงสัยว่าไปถ่ายรูปนี้ตอนไหน ส่วนเรื่องภาพวงจรปิดอื่นๆก็มี ภาพวงจรปิดเวลา 22.18 น. บริเวณสะพานซังฮี้ จุดประสงค์ของภาพนี้คือต้องการให้เห็นว่าแซนนั่งอยู่ท้ายเรือ แต่จากภาพยังไม่มีแตงโม หากดูต่อไปภาพตอน 22.32 น. ได้มีการใช้โปรแกรมปรับภาพออกมาปรากฏว่าไม่มีแซนนั่งท้ายเรือแล้วโดยเขาอ้างว่าเจ็บตาจึงขึ้นไปนั่งหลังคนขับ และจากภาพที่เห็นจะไม่มีแตงโมอยู่ท้ายเรือเลย ดังนั้นจะมาบอกว่า ตอน 22.34 น. แตงโมตกท้ายเรือเนี่ยมันไม่ใช่ มันเป็นเงาตะครุ่มๆ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นแตงโมหรือเป็นใคร และตามจริงแล้วบริเวณกราบเรือวิ่งด้วยความเร็ว 8 นอต น้ำมันจะท่วมหากมานั่งก็จะเปียกทั้งตัว ส่วนตัวคิดว่าจากหลักฐานแตงโมน่าจะหายไปตั้งแต่ลอดใต้สะพานซังฮี้ แล้วก็มีคนเอาไป ตนเองมีหลักฐานว่าคนเอาแตงโมไปอยู่
เรื่องการชันสูตร จากคลิปก็มีข้อสงสัยว่ามีการให้หมอเอาศพมาให้หมอจำลองได้ยังไง การที่จะเอาใบพัดซึ่งเป็นของกลางในคดีมาให้หมอเทียบ ต้องมีการทำเรื่องส่งเอกสาร ต้องมาดูว่าใรเป็นคนสั่งมา ได้ถามทนายกฤษณะที่ตอนนั้นทำคดีนี้อยู่ ก็ไม่ปรากฏว่าคุณแม่ให้หมอเอามาศพมาจำลอง ที่สำคัญตนไม่เคยเห็นการวิธีการจำลองแบบนี้ ที่เอาใบพัดมาสะบัดกับบาดแผล มันจะทำให้มีแผลเพิ่มขึ้นได้ และแผลจะเข้ากับใบพัดได้ยังไงในเมื่อตอนจำลองหมุนใบพัดคนละทาง และอีกอย่างคือใบพัดมันหมุนทางขวาง แต่บาดแผลที่เป็นปัญหามันเป็นทางยาว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ใบพัดมันจะโดน มันมีเพลาดัก โอกาสที่ใบพัดจะโดนขาเป็นทางยาวไม่มีทางเป็นไปได้เลย
สำหรับประเด็นที่ถามว่าเอาภาพคุณแตงโมมาเผยแพร่ ขออนุญาตกับทางแม่เขาหรือยัง คุณอัจฉริยะได้ตอบว่า "คือผมไม่อยากไปต่อร้องต่อเถียงกับคนแบบนี้ ผมทำเพราะเป็นอาญาแผ่นดิน มันเป็นที่ตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร ซึ่งการเปรียบเทียบแค่เอามาทาบก็พอแล้วไม่ใช่มาหมุนๆมันทำให้ส่งผลต่อบาดแผล หมอแถลงร่วมกันว่า 22 แผล แต่ตำรวจมาแถลงเพิ่มเป็น 26 แผล ผมติดใจว่ามายังไง"
ทั้งนี้ ทางอดีตนายแพทย์มีความเห็นว่าอยากไปพบนายกฯเพื่อความยุติธรรม จริงๆขึ้นอยู่ผบ.ตร. มากกว่าเค้าเป็นนักสืบมือหนึ่งของไทย แต่ไม่พูดอะไรเลย ที่เราทำไม่ได้เพื่อย่ำยีศักดิ์ศรีของตำรวจ แต่เพื่อพิสูจน์ว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีประมาท และสิ่งที่แซนพูดคือให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน พอติดกระดุมเม็ดแรกผิดที่เหลือก็เละเลย กินกันหกคนเมาอยู่คนเดียว เส้นผมก็เจอของแตงโมคนเดียวอะไรก็แตงโมคนเดียว ที่แซนพูดมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าแซนพูดจริงไปวัดหงส์สาบานกับผมเลย สาบานเลยว่าแซนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องการสืบสวนสืบสวนอยากบอกว่า ผมไม่ใช่ศัตรูของตำรวจ มาทำงานร่วมกันดีกว่า ผมมีหลักฐานแน่นกว่าตำรวจ ถ้าเอาผมเป็นเพื่อนดีกว่าถ้าผมเป็นศัตรูจะปวดหัวยิ่งกว่านี้เพราะผมยังมีหลักฐานอีก 2 ชุด ให้ไว้จับคนร้าย
“ผมสามารถสาบานได้หมด วัดหงส์มาได้เลย ใครก็ได้ คนบนเรือ 5 คน หรือ พลตำรวจตรีตอเต่าก็ได้ ถ้าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมากับผมวัดหงส์ 7 วันรู้ผล”
สุดท้ายอยากให้ ผบ.ตร. ตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาสอบสวน มาทำเรื่องนี้ให้ความจริงปรากฎ ถ้ามันจะเป็นเรื่องประมาทต้องเป็นประมาทที่ไม่มีเหตุสงสัยแล้ว หมอก็ต้องเป็นคนกลาง ผู้เชี่ยวชาญคนกลาง บริษัทฯ GPS คนกลาง ไม่ใช่เอาเพื่อนปอมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ GPS เขาก็พูดให้ดีต่อปอหมด และขอยืนยันว่าคดีนี้มีพลตำรวจตรีเป็นคนบงการ และก็มีการสร้างเรื่องปัสสาวะท้ายเรือ เขียนบทให้
ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนิติเวชศาสตร์ มศว. เล่าว่า โดยปกติหากมีการผ่าชันสูตรศพ จะมีพนักงานสอบสวน หรือทีม เข้ามาพบกับแพทย์ ขออนุญาตเข้าไปขอตรวจเปรียบเทียบ โดยจะดูว่ามีการสอดคล้องกันหรือเปล่า ข้อจำกัดของแพทย์ไม่สามารถระบุได้ว่าวัตถุที่ทำให้เกิดแผลคืออะไร เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต้องหาวัตถุมาให้แพทย์ลงความเห็นว่าตรงกับแผลหรือไม่ จากคลิปวิดีโอที่เห็น ลักษณะแบบนี้คือเรียกว่าเอาวัตถุพยานมาตรวจเปรียบเทียบกับบาดแผลบนตัวศพ การกระทำแบบนี้เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนที่จำนำวัตถุพยานมาติดต่อกับแพทย์เพื่อกระทำตามนี้ ส่วประเด็นของคุณอัจฉริยะที่มีการขอไม่ขอ เป็นเรื่องของกฎหมาย
ทั้งนี้ ศพเป็นชีววัตถุพยานพยานสำคัญในคดี มันไม่ควรถูกรบกวน ต้องไม่ทำให้เกิดบาดแผลเพิ่มเติม ปกติไม่เคยมีคลิปวิดีโอหลุดออกมาแบบนี้ส่วนเรื่องแผลที่เพิ่มมาเป็น 26 แผล มันอาจมีนัยสำคัญแตกต่างกันไป ต้องถามตำรวจว่ามีการคุยกับหมอทุกทีมหรือยังว่าจะแถลงเพิ่มเป็น 26 แผล
ส่วนประเด็นที่ แอนนา สงสัยว่า ทำไมศพอยู่ในน้ำ 30 ชม. ถึงไม่บวมเลย ซึ่ง หมอ ได้ให้คำตอบว่าหากศพอยู่ในน้ำจะเน่าเสียช้ากว่า จะเทียบกับบนบก 15 ชม. จะยังไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนเรื่องบาดแผลที่ตอนแรกไม่ค่อยเห็น เพราะ บาดแผลยังบวมน้ำอยู่บวกกับพวกเศษโคลนเศษอะไรต่างๆ บางครั้ง ณ จุดเกิดเหตุมีข้อจำกัดในการตรวจจึงได้รู้เรื่องบาดแผลแค่ส่วนหนึ่ง และอีกประเด็นที่ว่าตกท้ายเรือทำไมบาดแผลเยอะจัง คือ ตัวหมอเองยังไม่มีใครสรุปว่าตกท้ายเรือ อาจจะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่แถลง โดยธรรมชาติการทำงานของแพทย์นิติเวชฯ จะให้คำตอบแค่เรื่องบาดแผลกับวัตถุที่ทำให้เกิดแผลว่าสอดคล้องกันแค่ไหน แต่อาจจะมีการถามความเห็นแพทย์เพิ่มเติมประกอบการพิจารณาว่าโอกาสการตกท้ายเรือมากน้อยแค่ไหน