ทนายสาครชี้โอกาส“กาโตะ” รอดคุกสูง
จากกรณีที่อดีตพระ “กาโตะ” เข้ารับทราบข้อกล่าวหายักยอกทรัพย์จากเจ้าพนักงาน เป็นจำนวน 6 แสนตามข่าวโดยให้การภาคเสธ ล่าสุด “สาคร ศิริชัย” ทนายความดังได้ วิเคราะห์กรณีนี้มีสิทธิรอดคุกสูง
อ่านต่อ:“กาโตะ” ปฏิเสธยักยอกเงินวัด 6 แสน | daradaily
ตามที่มีข่าวว่า “กาโตะ” ไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดย “กาโตะ” ได้ให้การภาคเสธโดยยอมรับว่าได้มีการเบิกเงินไปจริงและไม่ทราบว่าการเบิกเงินของวัดไปเป็นความผิดตามกฏหมาย
ในกรณีดังกล่าวการที่จะวินิจฉัยว่า ผู้ใดกระทำความผิดในคดีอาญาต้องดูที่เจตนาของผู้กระทำความผิด ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ต้องมีเจตนาทุจริต กล่าวคือเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฏหมายสำหรับตนเองหรือบุคคลอื่น
แต่ที่กล่าวอ้างว่าไม่ทราบว่าการเอาเงินวัดออกมาเป็นความผิดตามกฏหมายไม่สามารถเก่าอ้างได้แต่สามารถต่อสู้ได้ว่ากรณีเป็นการยืมเงินวัดออกมาซึ่งหากระเบียบข้อบังคับ ของวัดสามารถทำได้ก็อาจทำให้ขาดเจตนาในการกระทำความผิดไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ได้ เพราะภายหลังจากนั้นทราบว่าได้มีการนำเงินไปใช้คืนให้กับทางวัดทั้งหมดแล้ว แต่หากระเบียบและข้อบังคับของวัดไม่สามารถยืมเงินวัดมาใช้ได้ ได้การกระทำดังกล่าวก็เข้าข่ายการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์
ซึ่งหาก “กาโตะ” มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ บุคคลซึ่งรับเงินจากการยักยอกไปซึ่งตามข่าวมีสีกาตอง และ สื่อก็ย่อมมีความผิดฐานรับของโจรด้วย
อย่างไรก็ตามความผิดฐานยักยอกทรัพย์เป็นความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีปรับไม่เกิน 60,000 บาทและเป็นความผิดอันยอม ความได้โดยพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวได้มีการยอมรับว่าเอาเงินไปจริงแต่ไม่ทราบว่าเป็นความผิดตามกฏหมายและภายหลังได้มีเงินจำนวนทั้งหมด 600,000 บาทมาคืนให้กับทางวัดแล้วถือว่ากรณีดังกล่าวเป็นการให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาและเป็นการบรรเทาผลร้ายของความผิดถึงที่สุดแล้วศาลอาจพิพากษาว่ามีความผิดและลงโทษจำเลยในสถานเบาโดยรอการลงโทษจำเลยได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลย์พินิจของศาล
โอกาสที่ “กาโตะ” รอดคุกมีสูง