“นารา-หนูรัตน์” ประกันตัวสู้คดี 112
จากกรณีที่ “นายศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าร้องเรียน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ที่ กองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับ “นายอนิวัต ประทุมถิ่น” หรือ :นารา เครปกะเทย” , นายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือ มัมดิว ,บริษัทเอเจนซี่แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ลาซาด้า หลังทำคลิปวิดีโอและภาพนิ่งโปรโมทแคมปเปญขายสินค้า ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง และบูลลี่คนพิการนั้น เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565
อ่านต่อ:“นารา เครปกะเทย” งัดหลักฐานฟาด!ปมถูกโยงเน็ตไอดอลผอมจน
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานระบุความผิดได้ชัดเจนออกหมายจับ 3 บุคคล คือ 1.นายอนิวัต ประทุมถิ่น หรือ “นารา เครปกระเทย” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1115/2565 ลง 10 มิ.ย. 65 ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
2.นายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือ มัมดิว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1116/2565 ลง 10 มิ.ย. 65 ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112
3.น.ส.ธิดาพร ชาวคูเวียง หรือ “หนูรัตน์” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1117/2565 ลง 10 มิ.ย. 65 ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112
ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ทั้ง 3 คน จึงนำตัวมาสอบปากคำที่ กองบังคับการกองปราบปราม โดยใช้เวลานาน 5 ชั่วโมง จนกระทั่ง นายดวงรัตน์ ศรีนวล ทนายความ ของ นายอนิวัต ได้เข้าขอยื่นประกันตัวต่อศาลอาญาโดยผ่านระบบออนไลน์
เวลา 17.05 น. นายอนิวัต และ นายกิตติคุณ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยเปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายที่ได้มีผู้ร้องเรียนมาแจ้งความดำเนินคดีไว้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อมาว่า ตนมีหมายจับจึงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ รีบนั่งเครื่องบินกลับมาจากต่างจังหวัดโดยด่วน เรื่องการถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ที่ตนเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ “หนูรัตน์” ซึ่งในช่วงหลังจากที่ทำโฆษณา ตนก็ได้ติดต่อกับหนูรัตน์มาโดยตลอด และถามถึงเรื่องค่าใช้จ่ายว่ามีเพียงพอหรือไม่ ซึ่งตนได้ทำการโอนเงินเป็นจำนวน 3,000 บาท ไปให้ทุกอาทิตย์ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบและจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีในครั้งนี้รวมไปถึงการจ้างทนายความในการต่อสู้คดีอีกด้วย
ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีความในชั้นศาลของตนก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ได้มอบหมายให้ทนายความส่วนตัวดำเนินการแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การถูกดำเนินคดีในครั้งนี้มีผลกระทบอย่างไรบ้าง นายอนิวัต เผยว่า ธุรกิจของตนไม่ได้รับผลกระทบอะไร กลับกลายเป็นผลดีเสียอีกทำให้สินค้าของตนมีชื่อเสียงผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสำนักข่าว หนึ่ง ที่นำเสนอข่าวของตนอยู่ตลอดเวลา การที่ตนตกอยู่ในที่นั่งลำบากมันเป็นการฝึกฝนตัวเองให้รู้จักหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อกลายเป็นคนที่เข้มแข็งในภายภาคหน้า
ด้าน นายกิตติคุณ กล่าวว่า การถูกควบคุมตัวมาในวันนี้ก็รู้สึกว่าตกใจนิดหน่อยแต่ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ตนต้องขอยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับ นายอนิวัต เป็นการส่วนตัวรู้จักกันในนามร่วมมือทำงานของ Lazada เท่านั้น ส่วนในรูปของคดีความตนขอไม่สามารถพูดมากไปกว่านี้เพราะเกรงว่าจะได้รับผลกระทบต่อรูปคดี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการโดนจับในครั้งนี้ เชื่อมโยงกับการแต่งกายล้อเลียนราชวงศ์หรือไม่ นายกิตติคุณ ระบุว่า การที่โดนดำเนินคดีมาตรา 112 ในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับที่ตนแต่งตัว เพราะตนแต่งตัวใส่ชุดไหมไทยอยู่แล้ว เพื่อเป็นการอนุรักษ์ชุดไหมไทยตามพระราชดำริของในหลวง