ทนายเดชาเผย “แม่แตงโม” ได้ทนายใหม่แล้วรู้สึกเสียค่าโง่ หลงผิด ไม่น่าไปเชื่อ “เต้-อัจฉริยะ”
“นายเดชา กิตติวิทยานันท์” อดีตทนายความ “แม่แตงโม” เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ “นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน” แม่ของ
“แตงโม นิดา” ได้โทรศัพท์มาหาตน โดยพูดคุยกันนานกว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งคุณแม่เป็นฝ่ายติดต่อมาเอง และบอกว่าคิดถึงตน โทรมาในฐานะเป็นเพื่อนเก่ากัน และได้เล่าถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตอนที่ไปอยู่กับทีมของ ส.ส.มงคลกิตติ์ และ นายอัจฉริยะ
อ่านต่อ:แม่ “แตงโม นิดา” เปิดใจหลังเข้าพบตำรวจไซเบอร์เชื่อเสีย
นายเดชา กล่าวว่า คุณแม่ กล่าวถึงนายอัจฉริยะ ว่า แม่เพิ่งมารู้ความจริงว่านายอัจฉริยะไม่ใช่ทนายความ ส่วนที่ขัดใจที่สุด คือ นายอัจฉริยะ ไม่มีหลักฐานตามที่คุยโม้ไว้จริงว่ารู้ว่าใครเป็นคนฆ่า เห็นภาพตอนเอามีดกรีดขา โดยแม่ขอดูเท่าไหร่ก็ไม่ยอมให้ดู สิ่งที่เอาให้ดู มีแต่คลิปวงจรปิดเก่าๆ ที่แม่เคยเห็นหมดแล้ว นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังชอบข่มขู่ ด่าแม่ และยังไปฟ้องตรงต่อศาล โดยที่แม่ไม่ยินยอมด้วย
ส่วนกับ ส.ส.เต้ คุณแม่บอกว่า ก็เป็นนักการเมือง ไม่ใช่ทนายความ แต่มาให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ต้องไปเอาคนอื่นมา ทำเองไม่ได้ ซึ่งคุณแม่บอกด้วยว่า ที่ผ่านมารู้สึกเสียค่าโง่ หลงทาง หลงผิด ไม่น่าไปเชื่อนายอัจฉริยะ และ ส.ส.เต้ แต่หลังจากนี้ ไม่เอาแล้ว และคุณแม่บอกว่าจะขอเก็บตัวสักพัก เพราะก่อนหน้านี้ ทีมของนายอัจฉริยะ กับ ส.ส.เต้ ชอบพาแม่ออกไปแถลงข่าว จนแม่เหนื่อยมาก
นายเดชากล่าวอีกว่า ล่าสุด คุณแม่บอกว่า ได้หาทนายความคนใหม่แล้ว คือ ทนายชนบท ศุภศรี ซึ่งเป็นทนายความที่อาวุโสและมีประสบการณ์ โดยสาเหตุที่เลือก แม่บอกว่า เพราะเป็นทนายความจริง ที่ผ่านมาเจอแต่วิศวกรมาทำหน้าที่ทางกฎหมาย เป็นการหลงทางไป ส่วนกับตนเองนั้น หากแม่มาขอให้ช่วยเป็นทนายความให้อีกครั้ง ทนายเดชาบอกว่า ตนก็ไม่เอาแล้ว ไม่มีความประสงค์ที่จะทำ ขอเป็นแค่เพื่อนกัน แค่คิดถึงกันก็พอ
นายเดชา อ้างว่า ล่าสุด ตนได้รับทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่มีการติดต่อพูดคุยกับคนบนเรือว่า ตอนนี้คนบนเรือร่างฟ้องเสร็จแล้ว โดยจะเริ่มฟ้องหลังวันที่ 23 มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป ซึ่งคนที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ โคนันเมืองไทย อาจต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งน้ำตา และสูญเสียอิสรภาพ หากสิ่งที่พูดมาทั้งหมดไม่เป็นความจริง โดยโคนันเมืองไทยจะโดนหลายคดี เพราะนอกจาก 5 คนบนเรือแล้ว ยังมีคนนอกเรือที่จ่อจะดำเนินคดีอีกด้วย ทั้งตำรวจ แพทย์นิติเวช และอัยการ ที่โคนันเมืองไทยได้ไปข่มขู่เอาไว้
รวมถึงคุณแม่แตงโมเอง ก็บอกว่า กำลังปรึกษากับทนายชนบทว่าจะดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะด้วยเช่นกัน
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะได้ไปยื่นฟ้องตรงในคดีฆาตกรรมเอาไว้ ทนายเดชา อธิบายตามหลักกฎหมายว่า เมื่อมีคดีอาญาเกิดขึ้น บุคคลที่สามารถนำคดีขึ้นสู่ชั้นศาลได้ คือ อัยการ และผู้เสียหาย ซึ่งทั้ง 2 สำนวน ศาลจะนำเอาไปพิจารณาร่วมกันเพราะเป็นการกระทำเดียวกัน โดยถือว่ามีโจทย์ 2 ราย ไม่ใช่การฟ้องซ้อนหรือฟ้องซ้ำ แต่คุณแม่ก็จะขอเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในคดีประมาทไม่ได้แล้ว เพราะถือว่าเป็นโจทก์ในคดีฆาตกรรมแล้ว
นายเดชากล่าวอีกว่า คดีที่นายอัจฉริยะไปแอบฟ้อง และคุณแม่ไปยื่นต่อศาลว่าไม่ได้ยินยอม ก็ต้องรอศาลไต่สวน หากพบว่าหนังสือมอบอำนาจถูกยกเลิกก่อนที่นายอัจฉริยะจะนำไปฟ้องจริง คดีนี้ก็ถือว่าเป็นโมฆะ เป็นการฟ้องไม่ชอบ ต้องตกไป แต่หากพบว่าหนังสือมอบอำนาจถูกยกเลิกภายหลัง การฟ้องของนายอัจฉริยะก็จะเป็นการฟ้องโดยชอบ แต่เมื่อคุณแม่เปลี่ยนทนายความแล้ว นายอัจฉริยะก็จะหมดสิทธิไป ทนายความคนใหม่ก็จะเข้ามาดูสำนวนแทน ทั้งนี้ หากหลักฐานต่างๆ ที่นายอัจฉริยะยื่นฟ้องไปเป็นความเท็จ บุคคลที่จะถูกดำเนินคดีกลับ ก็จะโดนทั้งคุณแม่ และนายอัจฉริยะ เพราะถือว่ามีส่วนร่วมด้วยกันในการยื่นฟ้องต่อศาล
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คุณแม่ยังคงอยากให้มีการฟ้องในมาตรา 290 อยู่ เพราะคุณแม่อยากได้ค่าเสียหาย ซึ่งคุณแม่ยังไม่ได้มีการปรึกษาเรื่องนี้ แต่ตนขอฝากไปบอกคุณแม่ว่า หากคดีที่นายอัจฉริยะยื่นฟ้องนั้น ศาลไต่สวนแล้วพบว่าเป็นการฟ้องโดยชอบ คุณแม่ก็จะไม่สามารถเป็นโจทย์ร่วมกับอัยการในคดีประมาทได้ ซึ่งก็จะไม่สามารถเรียกค่าเสียหายในคดีประมาทได้แล้ว
ส่วนคดีฆาตกรรม ถ้าศาลพิจารณาแล้วปัดตก เนื่องจากไม่มีมูล คุณแม่ก็จะไม่ได้ค่าเสียหายเช่นกัน ดังนั้น ตอนนี้ช่องทางเดียวที่คุณแม่จะยังคงเรียกค่าเสียหายได้ คือต้องลุ้นให้ศาลไต่สวนว่าการฟ้องของนายอัจฉริยะเป็นโมฆะ คุณแม่ก็จะยังมีโอกาสยื่นขอเป็นโจทย์ร่วมกับอัยการ เพื่อเรียกค่าเสียหายในคดีประมาทได้อยู่