โรงหนังช่วย “วัยอลวน 5” จากวันละ 11 รอบเป็นวันละ 200 รอบ 

โรงหนังช่วย “วัยอลวน 5” จากวันละ 11 รอบเป็นวันละ 200 รอบ 
       จากกรณีที่ “เอ๋ ไพโรจน์” ผู้สร้างและนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง   “วัยอลวน 5” ครวญผ่านติ๊กต๊อกข้อความว่าหนังที่ตนเองลงทุนไป 30 ล้านยังไม่ได้พิสูจน์จากคนดูก็ถูกตัดสินก่อนเสียแล้ว เหตุจากการให้รอบฉายวันละ 1 รอบจากโรงหนัง จนทำให้มีคนแชร์คลิปและดูดังกล่าวมากกว่า 4 ล้านครั้ง

อ่านต่อ:เปิดใจ “เอ๋ ไพโรจน์” ลงทุน “วัยอลวน 5” 30 ล้าน แต่กลายเป็น

       ล่าสุดหลังจากที่ดาราเดลี่ได้ติดตามและเปิดประเด็นเรื่องนี้ ได้สอบถามถึงฟิดแบกกระแสของภาพยนตร์เรื่อง  “วัยอลวน 5”จากผู้สร้าง หลังจากที่ข่าวได้เผยแพร่ออกมาได้ความว่า วันนี้ 7 มกราคม ทางโรงภาพยนตร์ได้เพิ่มรอบให้เป็นวันละ 200 รอบ แล้ว ทั้งนี้หนังจะทำเงินหรือไม่ มากน้อยอย่างไรอยู่ที่ ตัวของหนังเองแล้ว 
        ทั้งนี้ ในเน็ทได้มีการวิจารณ์กันกว้างขวางถึงกระแสดังกล่าว ว่าถึงยุคที่คนไทยไม่ดูหนังไทยแล้วเหรอ หรือไม่อย่างไร โดย ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า pavayut alex  ซึ่งเป็นนักการตลาดภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศที่คนในวงการรู้จักกันดีว่า พี่อ้วน ได้อธิบายไว้ดังนี้ 
        คนทำหนัง / ผกก / นายทุน / ผู้จัดจำหน่าย ครับ ..ในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทั้งผลิตและจัดจำหน่ายหนังไทย และนำหนังจากต่างประเทศเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศ .. ฟังเรื่องของคุณอาไพโรจน์แล้วก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะเรื่องการทำหนังแล้วไม่มีคนดูหรือโรงหนังตัดรอบลดโรงฉาย ไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้ เขาทำมานานแล้ว โรงหนังเขาก็ทำธุรกิจ หากไม่มีคนดู เขาก็ตัดรอบ หรือ เอาหนังออก … ทำมานานกว่า 15 ปีแล้ว เรียกว่า เทรอบ เทโรง (มี “เทให้” หนังที่ทำเงิน กับ “เททิ้ง” หนังที่ไม่ทำเงิน.. คนสร้างหนังไม่ว่าจะใช้เวลา 1-3 ปี หรือนานกว่านั้นถ้านับรวมถึงการเขียนบท กว่าจะสร้างเสร็จ เสียเงินและเวลาเยอะ เข้าใจได้ ..

        พอมาฉาย แค่ ไม่ถึงครึ่งวัน เขาก็ตัดรอบเราซะเละ จาก 5 เหลือ 2 จาก 3 เหลือ 1 หรือ จาก 3 เหลือ 0 เลยก็มี… คำถามคือ ทำไมเขาตัดรอบล่ะ? คำตอบคือ ไม่มีคนดู เราถามต่อ เฮ้ย แล้วทำไมให้รอบเช้า 10:30 น. เขาตอบว่า จะเอาแต่รอบ 5 โมงเย็น หรือ รอบ 1 ทุ่มรึไง? หากคนเขาดูหนังเขาก็มีมาดูรอบ 10:30 หรือ 11:00 ก็ต้องมีบ้างแหละ 10 / 20 / 30 คนก็ให้มีเถอะ แฟนหนังพวกเด็กวัยรุ่น ที่ไม่มีเรียนเขามาดูกัน.. นี่ไง “4 Kings” น้องๆ ช่างกลมากันแต่เช้า … “บุพเพ 2” ก็มากันเยอะนะ ..โรงหนังเขาก็มีค่าใช้จ่าย ค่าไฟ ค่าเช่า พนักงาน .. คนทำหนังมีค่าใช้จ่าย โรงเขาก็มีครับ .. แล้วทำไม อวตาร / หนังของ มาเวล ไม่ว่าเรื่องไหน .. คนแน่นแทบทุกรอบ.. ?? 

          ต้องมาถามว่า “ทำไมคนไม่ดูหนังไทย มากกว่า?” ผมว่ามีคนดูหนังไทยนะ แต่รสนิยม คนดูต่างกัน .. คนดูจ่ายเงินเท่ากัน เลือกระหว่าง อวตาร กับ หรือ วัยอลวน หรือ แม้แต่หนังเกาหลีที่ผมจัดจำหน่ายอย่าง “อัพกูจอง” คุณคิดว่าคนดูจะจ่ายเงินดูเรื่องอะไรก่อน? เขาอาจจะอยากดู วัยอลวน แต่รอก่อน วันหลังค่อยดู .. แต่หนังไม่อยู่ให้เห็นแล้ว หรือ พอวีคถัดไป หนังใหม่ที่น่าสนใจกว่าก็มาใหม่อีก อาทิตย์ละ 6-8 เรื่องกันเลย.. หรือ หนังคุณออกไปแล้วเพราะไม่ทำเงิน!! 

        สุดท้าย.. ต้องถามว่า ก่อนทำหนัง ถามตัวเองครับ… ใครจะมาดู หากคนทำ มองเห็นรอบแรก 10:30 โมง ของวันพฤหัสที่หนังใหม่จะเข้าฉาย หลับตาๆๆๆ นึกเลย ใครจะมาดู ชายหรือหญิง อายุเท่าไหร่ นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน วัยรุ่น กลุ่มไหนมาดู…

      หากเห็นภาพคนมาดู ทุกที่ ทุกสาขา เอาแค่ 20 คนต่อรอบ ในรอบแรก ผมเชื่อว่า รอบต่อๆ ไป คนดูมาเยอะแน่นอน.. หากเป็นเช่นนั้น เขาไม่ตัดรอบครับ หากดีมากๆ เขาตัดรอบเรื่องอื่น มาเพิ่มให้คุณ

      การสร้างหนัง ต้องรู้จักตัวตน ต้องรู้จักคนดูและดูพฤติกรรมคนดู พฤติกรรมโรงหนัง ให้ชัดเจน.. ทำการตลาด เทสหนังก่อนไหม เทสบทก่อนไหม.. ไม่หมูนะครับ?

      เดินโรงหนังครับ พฤหัส รอบเที่ยง รอบบ่าย รอบค่ำ ดูสิใครมาดูหนัง ดูเรื่องอะไร ทำไมดูเรื่องนี้ ถามเขาเลย …
       อย่าคิดว่าฉันลงทุนเยอะ หนังแบบนี้ ดาราคนนี้ คนจะดู.. ปัจจุบัน ความบันเทิงมันมาในมือถือ มันส่งตรงถึงมือคุณ ถึงบ้านกันแล้ว มีให้เลือกหลากหลาย ช่องภาพยนตร์ ไม่ว่าจะ Netflix, Prime, HBO, Mono Max และใน Youtube ที่คนโหลดให้ดูฟรีๆ ช้าหน่อย แต่มีให้ดู 

ไม่ได้อวยโรงหนัง ไม่ได้ด่าคนทำ ไม่ได้ว่าคนดู… ต่างคน ต่างมุม ต่างมีเหตุผล และพฤติกรรมที่ต่างกัน .. รู้เขา รู้เรา ทำหนังกี่ทีก็คงมีคนดูครับ