“เปิ้ล - จูน” เคลียร์ดราม่าเงินอัดฉีดนักกีฬา วอนพิจารณาอีกครั้ง
นักแสดงสายฮาอย่าง “เปิ้ล นาคร” ที่ลูกชายและนักกีฬาเจ็ตสกีหลายคนได้ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่กลับไม่ได้เงินอัด ฉีด เพราะมีการเปลี่ยนกฎของกองทุนพัฒนานักกีฬาแห่งชาติ จนด้าน “คุณพ่อเปิ้ล” ต้องออกมาเรียกร้องให้พิจารณาเรื่องนี้
อ่านข่าวต่อ : “เปิ้ล-จูน” เล่าติดไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุเอกันเกือบทั้งครอบครัวบ้าน ตกใจ “ออกู๊ด” ไข้สูงทำให้ชัก
ซึ่ง “คุณพ่อเปิ้ล” เผยว่า “จริงๆ เรื่องมันเริ่มจากการที่นักกีฬาเจ็ตสกีที่ไปแข่งชิงแชมป์โลกมา แล้วได้เหรียญทองมาทั้งหมด 14 คน ถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน ล้มแชมป์อย่างอเมริกาได้ ประเทศไทยตอนนี้เป็นอันดับหนึ่งของโลกแล้วในเรื่องของเจ็ตสกี พอกลับมาถึงไทยทุกคนก็หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในทุกๆ เรื่อง รวมถึงเงินอัดฉีดด้วย พอดีกลุ่มนักกีฬาก็พูดกันว่าจะได้ไหม เลยย้อนกลับไปถามว่าใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ เลยรู้ว่าคือ กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ เป็นคนจัดสรรเงินอัดฉีด หรือเงินที่เป็นขวัญกำลังใจให้นักกีฬา เราก็ทราบว่าเขาจัดเตรียมไว้ให้แล้ว เพราะปกติเขาจะมีเงินสนับสนุนอยู่แล้ว
ในเคสนี้เขาก็เตรียมไว้และอยู่ในขั้นพิจารณา เพราะมีกฎที่เพิ่งเปลี่ยนอยู่อันหนึ่ง คือต้องมีประเทศที่แข่งรุ่นหนึ่งไม่ต่ำกว่า 8 ประเทศ ตนเลยบอกว่าต้องเข้าในธรรมชาติของกีฬาในแต่ละประเภทก่อน บางรุ่นแข่งแค่ 5-6 ประเทศ อย่างของออก้าแข่งกัน 19 ลำก็อาจจะถึง 8 ประเทศ มันเลยหมายความว่านักแข่ง 14 คนที่ไปได้แชมป์มาในแต่ละรุ่นมีไม่ถึง 8 ประเทศตามกฎที่กำหนดไว้ ซึ่งหมายความว่าก็จะไม่ได้อยู่ในการพิจารณาเงินอัดฉีดเลย นักกีฬาทุกคนก็ถามว่า เราจะไม่ได้ใช่ไหม เพราะกฎเพิ่งออกมาได้แบบนี้ 1-2 ปีเอง เพราะก่อนหน้านี้นัก กีฬาได้มาตลอด แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนกฎมาเป็นแบบนี้ อยากบอกว่าจะมาใช้กฎเดียวกับกีฬาทุกประเภท ทุกกีฬาไม่ได้ ตนอยากฝากทางผู้ใหญ่รบกวนพิจารณากันใหม่ด้วย สงสารนักกีฬาทุกคน บอกนักกีฬาเจ็ตสกี 1 คนใช้เงินส่วนตัวไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ทั้งหมดรวมหลายสิบล้านบาท ที่เขาทำสำเร็จ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย บอกกีฬาบางประ เภทยังไม่ได้เป็นที่หนึ่งของโลกเลย แต่ยังได้เงินอัดฉีด เลยจะบอกว่ากีฬาจะพัฒนาไปได้ ต้องอยู่กับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ทุกๆ ฝ่าย
ส่วนที่หลายคนบอกว่า เป็นเพราะลูกตนได้ เลยออกมาพูดเรื่องนี้ ตนจะบอกว่าตนเอาสารมาจากนักกีฬาหลายๆ คน ที่เขามีคำถามกันมา ตนจำเป็นต้องทำเพื่อลูก เพราะเป็นเงินที่ลูกควรจะได้รับ และทุกคนควรจะได้ เล็กน้อยก็ยังดี เพื่อเป็นกำลังใจให้เขา บอกถ้าตนได้เงินนี้ ตนคุยกับออก้าว่าจะเอาไปช่วยนักกีฬาเยาวชนทั้งประเทศที่ขาด แคลนทุนในการแข่งกีฬา ไม่ต้องห่วงว่าจะเอาเข้ากระเป๋า ตนกำลังทำเพื่ออนาคตของนักกีฬาทุกคน ทุกประเภทด้วยซ้ำ
ด้าน “จูน” บอก มีนักกีฬาบางคนบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ไม่อยากไปแล้ว ต้องควักเงินตัวเองออกไป แล้วทำชื่อเสียงให้ แต่พอกลับมาเหมือนจะได้ แต่ก็เปลี่ยนกฎ ทุกอย่างมันไม่เคลียร์
“เปิ้ล”บอกถ้ากฎเป็นแบบนี้ ถ้าจะไปแข่งก็ต้องหารุ่น หาประเภทที่แข่งเกิน 8 ประ เทศ ซึ่งมันไม่มี กลายเป็นว่านักแข่งอาจจะลดลง หรือสปิริตของนักแข่ง เขาไม่ได้ทำเพื่อเงิน เขาทำด้วยศักดิ์ศรี ทำด้วยความรัก เกิดมาเป็นนักกีฬา ยังไงก็ต้องลงไปแข่ง พอมันเกิดเรื่องแบบนี้ การที่เราจะครองอันดับหนึ่งของโลกได้ในปีนี้มันอาจจะยากแล้ว เพราะแต่ละประ เทศเขาก็ส่งเสริมกันเต็มที่ ฝากผู้ใหญ่ดูแลเรื่องนี้ ตนเชื่อผู้ใหญ่ทุกวงการดูแลเราดีมาก ส่วนกองทุนพัฒนานักกีฬาแห่งชาติ เท่าที่ทราบมาเขาก็ตั้งใจแก้ปัญหาตรงนี้ด้วย ตนก็ให้กำลังใจ ทำมันให้ได้ ยินดีไปร่วมหาทางออก เพื่อประโยชน์ของนักกีฬาทุกประเภท