ร้องดีเอสไอ “ปราปต์ปฎล ” โดนแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินไม่เป็นธรรมและถูกเรียกทรัพย์ในคดีของ “คุณกี๋” ภรรยา
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง” แถลงแก่สื่อมวลชนกรณีถูกเรียกรับจากบุคคลที่อ้างว่าทำงานเป็นที่ปรึกษา เลขารัฐมนตรี กระทรวงหนึ่ง เพื่อให้สำนวนคดี forex3d ของคุณกี๋ ภรรยาที่ถูกจองจำอ่อนลงและตนเองถูกฟ้องคดีฟอกเงินอย่างไม่เป็นธรรม
อ่านต่อ: จ่อแถลงข่าว “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง”โพสต์ถึงคนสีเทา
เขาแถลงว่า “ผมมาตึกDSIวันนี้มายื่นหนังสือฐานความผิดร่วมกันฟอกเงินหลังจากที่DSIได้แจ้งข้อหาไป ซึ่งผมได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาวันที่ 5 ตุลาคม 2565 เป็นเวลา 5 เดือนกว่าวันนี้เลยทำหนังสือขอทราบความคืบหน้าจากDSI ใน5เดือนที่ผ่านมาผมได้รับผลกระทบกับชีวิตอย่างหนัก หน้าที่การงานพังหมด ซึ่งDSIให้ทำหนังสือส่งภายใน 15 วันก็ดำเนินการไปตามนั้นเรียบร้อยแล้ว”
“ พี่น้องสื่อมวลชนจะได้ทราบกันอยู่แล้วว่าไม่ว่าจะเป็นท่านเลขารัฐมนตรีกระทรวง...... ท่านธนกฤตและก็อธิบดี DSIก็ได้ย้ำกับผู้สื่อข่าวหลายรอบว่าดารา ปอ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงประชาชนในธุรกิจForex-3D เขาก็ยืนยันว่าผมไม่เกี่ยวข้องแต่ว่าผมได้รับการดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวคดีฉ้อโกงใดๆทั้งสิน การฟอกเงินมันเกิดคดีกับผมได้อย่างไร”
เขาเผยอีกว่า “ทางเจ้าหน้าที่ DSI บอกว่าเนื่องจากผมได้ทำการเคลื่อนทรัพย์ย้ายรถขับรถจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเขาเชื่อว่านำทรัพย์ไปปกปิดซึ่งที่มาที่ไปผมได้ชี้แจงไปแล้วว่าการขับรถเคลื่อนย้ายมันมีเหตุที่ต้องทำ ก็มีการแจ้งไปแล้วว่าเคลื่อนย้ายเพราะอะไร การเคลื่อนย้ายทรัพย์ตอนนั้นเป็นของแฟนผม ตอนนั้นยังไม่โดนกล่าวหาแต่ตอนนี้อยู่ในเรือนจำมา 6เดือนแล้ว เขายังไม่โดนข้อกล่าวอะไรทั้งสิ้นเพราะฉะนั้นตอนนั้นเขายังไม่เกี่ยวข้องกับคดีใดๆรถคันนั้นเป็นเพียงรถที่เขาใช้ในชีวิตประจำวัน”
เขาแถลงว่า “ ส่วนตัวของเขาและรถคันนี้ไม่ได้เป็นทรัพย์ที่ถูกประกาศตามยึดของ DSI แต่ที่ผมไปเคลื่อนย้ายรถให้เขาเพราะว่ามันมีคดีที่ สน . สุทธิสาร น้องถูกเพื่อนกระเทยคนหนึ่งงัดทรัพย์สินในห้องไป เพื่อนกระเทยได้นำไปโดยแจ้งกับน้องว่า ทรัพย์สินในห้องนั้นเป็นของน้อง ตัวเขาเองถูกอภิรักษ์ฉ้อโกงทรัพย์สินที่เป็นของน้องควรจะเป็นของเขา
ซึ่งผมมองว่าการกระทำอย่างนั้นมันไม่ถูกต้องมาตัดสินคนแบบนี้ไม่ถูกต้องเมื่อน้องให้ไปย้ายรถผมก็เลยไปย้ายให้แล้วน้องออกจะโรงพยาบาลผมก็พาน้องไปแจ้งความตามกฎหมายพอไปแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนถึงกระเทยท่านนั้นแล้วมีการซัดทอดไปที่เจ้าหน้าที่ DSI วันนั้นผมถึงได้รู้ว่ากระบวนการของการไปงัดห้องมีเจ้าหน้าที่ DSI ร่วมด้วยหนึ่งท่านคือ ผอ .เค ”
เขาไปร่วมการยึดทรัพย์ผมไม่รู้ว่าเป็นการยึดทรัพย์แต่ว่าที่ไปแจ้งความคือน้องถูกงัดห้องแล้วลักทรัพย์ เป็นเรื่องที่ผมเซอร์ไพร์สมากเมื่อติดต่อการเจ้าหน้าที่นิติก็ได้บอกว่า ผอ. ท่านนี้ได้เข้าไปที่นั้นในปกติ ไม่ได้แต่งตัวไม่ได้แสดงบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีหมายอะไรเลย แต่มีการติดต่อที่นิติบุคคลขอขึ้นตึกในสถานะเพื่อนกระเทย และผมก็เพิ่งทราบจากตำรวจก็เลยเป็นที่มาว่าสุดท้ายก็เลยนำพาไปสู่แจ้งคดี 157 กับเจ้าหน้าที่คนนั้น
“ มันก็เลยเกิดเป็นคดีกันขึ้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ DSI ท่านนี้มันตกกะไดพลอยโจร เพราะว่าทุกอย่างมันเป็นหลักฐานที่กระเทยคนนั้นให้การไปที่ สน. สุดท้ายน้องไปให้ผมเคลื่อนย้ายทรัพย์เพื่อหนีกระเทยคนนี้กับกลายเป็นว่า DSI การที่ผมไปย้ายทรัพย์หนีการยึดของเจ้าหน้าที่ DSI ซึ่งผมมองว่าตอนผมไปย้ายทรัพย์ที่เกิดเหตุตอนที่กระเทยส่งข้อความมาบอกน้องคือต้นเดือนกรกฎาคมปี 2563ที่น้องป่วย และผมไปย้ายทรัพย์ในตอนต้นเดือนผมพาน้องไปแจ้งความตอนวันที่ 14 กรกฎาคม แล้วถึงได้ทราบว่า เจ้าหน้าที่ DSI ได้ทำบันทึกการยึดทรัพย์ในวันที่ 15 กรกฎาคม แต่การไปยึดทรัพย์ที่มีหลักฐานอยู่ที่นิติไปตั้งแต่ต้นเดือนซึ่งก็เลยแปลกๆ มันก็เลยเป็นที่มาว่าผมไม่เห็นด้วยมันคือการแจ้งข้อกล่าวที่ไม่เห็นชอบว่าผมฟอกเงิน
“ตอนยึดรถที่ปี2563 ย้ายรถกันตอนนั้นยังไม่เป็นคดีกับน้อง ต่อมาในปี2563แต่มาแจ้งข้อกล่าวหาผมปี2565 ผมมีความรู้สึกว่าการแจ้งข้อกล่าวกับผมและผมเชื่ออย่างหนึ่งผมว่าพี่น้องสื่อต้องเชื่อเหมือนกันว่าการที่ผมเป็นคนผิดทำไรผิดกฎหมายผมไม่มาร้องแลกเพื่อสร้างจุดเด่นให้กับตัวเองเพื่อที่จะถูกขุดถูกค้นผมพร้อมที่จะให้ขุดให้ค้น ไม่ว่าจะตัวผมครอบครัวผมมีเส้นทางชีวิตการสุจริตสามารถค้นได้หมด”
“สิ่งที่ผมมาร้องเรียกวันนี้คือมันมีเหตุการณ์ที่สอดคล้องไปถึงตอนที่น้องถูกดำเนินคดีแล้วต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำวันที่ 18 สิงหาคมเมื่อเช้าผมได้เข้ารายการโฟนอินไปไปรายการหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับน้องติดต่อผมมาว่า เขารู้จักกับที่ปรึกษากับเลขาธิการรัฐมนตรีท่านหนึ่ง
เลขารัฐมนตรีท่านนี้ต้องการจะมาคุยกับผม เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือในคดีของน้องกี๋ ภรรยา ตอนนั้นน้องอยู่ในเรือนจำแล้ววันที่ 18 สิงหาคม น่าจะ20-21ประมาณนี้แล้วก็นัดไปเจอกัน ผมย้ำอีกครั้งว่าคนที่มาติดต่อผมแล้วมาคุยกับผมเรื่องการเรียกทรัพย์ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือน้องผ่านไปทางผู้ใหญ่เป็นที่ปรึกษาของเลขาท่านนี้ผมไม่ได้บอกว่าเลขาเป็นคนมาเรียกทรัพย์ผม หรือมีความเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีผมเพียงแต่บอกว่าคนที่มาเรียกตกทรัพย์ผมเป็นที่ปรึกษาของเลขาท่านนี้ ท่านเลขาเองจะรู้เห็นหรือรับทราบไหมผมเองไม่ทราบ แต่คนที่มาเรียกตกทรัพย์ผมเป็นที่ปรึกษาคนนี้ เป็นทนาย ฮอ
“ เราก็ทราบข่าวอยู่ว่าติดตามท่านเลขาคนนี้ไปตลอดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรียกตบทรัพย์ผมอึ้งเพราะเป็นยอดเงินที่เยอะผมไม่มีปัญญาทำงานมา 30ปีอยู่ในวงการบันเทิงมาไม่มีเงินเก็บขนาดนั้นเลย ผมอึ้งแล้วก็ต้องเงียบไปและไม่ถึงเดือนผมก็ได้รับข้อหาว่าฟอกเงิน ซึ่งนั้นทำให้ผมมีความรู้สึกว่าทำไมทุกอย่างประจวบเหมาะเข้ามาในชีวิตผม ผมมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งๆที่เรานิ่งเฉยมาตลอดการนิ่งเฉยของผม ผมเกรงใจท่านรัฐมนตรีเกรงใจผู้ใหญ่ จะทำให้เขาเสียหายหรือไม่เพราะว่าคนที่มาติดต่อเราไม่รู้ว่าท่านรู้หรือไม่”