“แพต ชญานิษฐ์” เปิดใจหลังคอลเอาต์กลางเวทีรับรางวัล ลั่นรับฟังเสียงของประชาชน
เป็นที่ฮือฮาของแฟนๆ เมื่อ นักแสดงสาว “แพต ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช” ได้รับรางวัลบนเวทีหนึ่ง ซึ่งในช่วงสปีชนอกจากจะขอบคุณถึงรางวัลที่ได้รับแล้ว แพต ยังได้คอลเอาต์ถึงเรื่องการเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านมาด้วยว่า “จะปังกว่านี้หากรัฐบาลที่ผ่านการคัดเลือกจากประชาชนมากกว่า 14 ล้านเสียง ได้ขึ้นเป็นรัฐบาล ฝาก สว. พิจารณาเสียงของประชาชน” ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวสาวแพตเลยไม่พลาดที่จะถามถึงเรื่องนี้สักหน่อย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า
ที่หนูพูดออกไป หนูรู้สึกว่าเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิ์พูดได้ เขาพูดกันหมดเลย ไม่ใช่มีแค่หนู หนูอยากให้ทุกคนตระหนักรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น คำพูดวันนั้นหนูนั่งคิดตอนที่หนูรอขึ้นเวที เราไม่กลัวที่จะพูดในสิ่งที่เรามีสิทธิ์พูด ถามว่ากลัวไหมการคอลเอ้าท์จะได้รับผลกระทบ เพราะทุกอย่างมี 2 มุม หนูไม่ได้คิดเลยว่ามันจะมีหรือไม่ เพราะมีหลายคนพูดกับแพตว่าขอบคุณมากที่พูดออกไป แต่ก็มีคนบอกว่าเราจะไปรู้อะไร เรารู้ยังไม่มากพอ ก็มีเหมือนกัน
แต่เรารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ผู้ใหญ่หลายท่านควรรับฟังเสียงของประชาชน ไม่งั้นเราจะเลือกตั้งกันทำไม ในฐานะประชาชน เมื่อก่อนหนูกลัวการออกความเห็น การที่จะพูดออกมา แต่ว่าพอถึงเวลาที่อ่านและได้รู้มาหลายปี มันคือช่วงอายุที่เราต้องเติบโต เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ จนเราเกิดคำถาม เลยคิดว่าเราไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เราต้องการการเปลี่ยนแปลง การที่เราพูดไม่ได้ส่งผลมากหรือน้อย แต่หนูมีความหวัง คิดว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้มีความหวังในการเปลี่ยนแปลง เราไม่กลัวที่จะแชร์ หรือการออกความเห็น เหมือนเวลาเราขับรถแล้วเราวอร์มคันเร่งมาเรื่อยๆ แต่การพูดครั้งนี้ไม่ได้แปลว่าหนูเหยียบคันเร่งเร็วขึ้น แต่หนูยังตื่นรู้ด้วยสปีดเดิม ทุกวันนี้ก็ยังรอความหวัง 2 เดือน หนูว่ามันเป็นสิทธิ์บุคคล สิทธิ์ส่วนตัว บางคนไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ออกความเห็น
เราตั้งรับยังไงบ้าง หนูรู้อยู่แล้ว มันจะมีคนที่ชอบและไม่ชอบ ฉะนั้นมันเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนที่ชอบและไม่ชอบ หนูรับกับมันได้ กลัวจะมีผลกระทบกับงานไหม ไม่นะ เราพูดสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีใครโต้แย้งว่าไม่จริง เราพูดไปแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ เสียงของหนู ก็เท่ากับเสียงของทุกคน ขับรถไปเลือกตั้งเหมือนกัน อ่านข่าวเหมือนกัน เสียภาษีเหมือนกัน มันแค่นั้นเลย ก็ลุ้นกันอีก 2 เดือน อยากให้เปลี่ยนแปลงยังไง คือเรารู้จุดโหว่เยอะมากถ้าเป็นไปได้เราก็มีความหวัง ว่ามันจะมีสิ่งดีๆมากขึ้นกับประเทศไทย