“เอ๋ ไพโรจน์” ไม่เข็ดเตรียมทำหนังเรื่องใหม่ ลั่นเตรียมสร้างแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง
ออกมาเปิดใจสำหรับ “เอ๋ ไพโรจน์” ว่ากำลังจะลงทุนทำหนังใหม่ หลังภาพยนตร์ วัยอลวน 5 ที่ลงทุนไปกว่า 30 ล้าน โดยนักแสดงรุ่นใหญ่ได้ออกมาเปิดใจในงานพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ ครอบเศียรหนุมานวายุบุตร เนื่องในวันวิสาขบูชา วัดไผ่ล้อมจัดพิธี วิสาขบูชารำลึก 111 ปีชาตกาล ครบรอบ18 ปี พระมงคลสิทธิการ หลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข ละสังขาร ซึ่งเผยว่า
อ่านข่าวต่อ : “เอ๋ ไพโรจน์” เปิดคอมเมนต์ ทำไมโรงหนังด้อยค่าหนัง “วัยอลวน5” แบบนี้
ตอนนี้กำลังทำหนังเรื่องใหม่อยู่?
เอ่อ.. ตอนนี้ก็ยังรอ เรื่องเก่ามันยังขาดทุน 100% อยู่ กำลังพยายามที่จะทำแพลตฟอร์มเพื่อที่จะฉายแล้วให้คนเข้าไปดู คล้ายๆ เน็ตฟริกซ์ บังเอิญคนถามว่าเยอะว่าทำไมไม่เข้าเน็ตฟริกซ์ก็คุยกับเขาแล้ว เขามีนโยบายมาจากต่างประเทศว่าถ้าหนังที่มันเป็นภาคต่อ แล้วเขาไม่ได้ซื้อมาตั้งแต่ภาคแรก มันเป็นนโยบายที่เขาบล็อกไว้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องทำเอง ก็กำลังทำ อีกประมาณ 2 เดือนน่าจะได้คลอดออกมาได้
ทำเป็นรูปแบบไหน?
อย่างเวลาเราไปดูเน็ตฟริกซ์เราไปเสียเงินดูเป็นเดือน ตรงนี้ก็คล้ายๆ กัน คือเสียเงินเข้ามาดู เข้าไปแล้วได้สิทธิ์ดู วันสองวันอะไรก็แล้วแต่ จะประมาณนั้น เป็นแพลตฟอร์มที่เราทำขึ้นมาเอง
แล้วทำขึ้นมาเองใช้เงินเยอะมั้ย?
เอ่อ.. คือไม่เยอะมาก แต่ต้องใช้ความรู้เยอะ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้เป็นคนที่มีความรู้ ก็ต้องไปรวบรวมความรู้ของคนอื่นมา คำว่าเยอะมันก็เป็นหลักล้านอะนะ แต่เราก็จะใช้วิธีการรวมคนที่เก่งมา วิธีการก็อาจจะทำจากเล็กแล้วขยายขึ้นไปเรื่อยๆ เปรียบเทียบง่ายๆ การทำแพลตฟอร์มก็เหมือนการสร้างบ้านนะครับ เริ่มต้นเราอาจจะสร้างบ้านเล็กๆ พอมีคนเข้ามาดูในปริมาณที่รองรับไม่พอเราก็ค่อยขยายขึ้นมา เพราะฉะนั้นในช่วงต้นเราคงจะไม่ได้ใช้งบสูงอะไรมาก ทำความเข้าใจคือ เราจะต้องไปเช่าเซิร์ฟเวอร์ ก็อยู่ที่ว่าเราไปเช่าพื้นที่มากน้อยแค่ไหน ยังไง การออกแบบต่างๆ ก็ต้องทำกราฟฟิก ทำแลนเดอร์ มันก็คือค่าใช้จ่าย แรกๆ เราก็ทำให้สมกับตัวเราเองก่อน แล้วค่อยๆ ขยาย
จะมีหนังของเราคนเดียวหรือมีหลายๆ เรื่อง?
เรามีความรู้สึกว่าตลอดระยะเวลาที่ผมกลับมาทำหนัง โลกมันเปลี่ยนไปเยอะมาก สมัยก่อนเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทำหนังมา 11 เรื่อง เวลาเราจะไปเข้าโรง เวลาเราน้อยเขาก็จะให้เรา 1 โรง แต่เขาก็ให้เราทั้งวัน ฉายไป 3-5-7 วันไม่มีคนดู ถอดออกเราก็ไม่เสียดาย ทุกวันนี้เราก็ไม่รู้ เข้าโรงปั๊บให้เรารอบเดียว โรงเดียว แล้วให้เรารอบเช้า เรามีความรู้สึกว่ามันเป็นการทำธุรกิจที่มันไม่ยุติธรรมอ่ะ แล้วมันเป็นการทำลายวงการหนังไทย หนังไทยจะอยู่ไม่ได้ ถ้ามันยังไม่มีการแก้ไข
เราจะไม่ใช้คำว่าลองก่อน แต่เราจะเป็นผู้เริ่มต้น เพื่อความอยู่รอดต่อไปของหนังไทยต่อไป ในฐานะที่ผมก็เป็นคนที่รักหนัง และเป็นผู้สร้างหนังที่มีอายุพอสมควร ปัจจุบันเรามองเห็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือช่องทางของการที่เราจะนำเสนอ หนังไทยจะอยู่ไม่ได้ถ้าเราไม่มีช่องทางเลย ถ้าเราสร้างขึ้นมาแล้วทุกคนเข้ามาดู ผมก็จะพยายามรวบรวมหนังไทยโดยที่เราเป็นตัวเปิดเกม ปังปั๊บหลังจากนี้เราจะรวบรวมหนังไทยมา ซึ่งมันไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นหนังเข้าโรงใหญ่อย่างเดียว หนังสั้น สารคดี เราก็จะเปิดพื้นที่ให้เขา ถ้ามีเวทีให้เขาได้ลงเล่น ตรงนี้คือความอยู่รอดของหนังไทย
ตอนนี้มีแค่เราที่สู้อยู่คนเดียว หรือมีคนอื่นคอยซัพพอร์ตด้วย?
เอ่อ คือผมคิดว่าทุกคนที่มีปัญหาคือแนวร่วมของเรา เพียงแต่มันไม่มีคนที่บุกเบิกนะครับ หรือมีบารมีพอที่จะกล้าขึ้นมางัดข้อกับใครเขา ทุกคนเขาก็จะกลัวความอะไรก็แล้วแต่ เราก็มองดูว่าทุกวันนี้บางครั้งเนี่ยเราก็คิดว่าคนที่เขาดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโรงหนัง ผมว่าเขาอาจจะคิดไม่ถูกนัก อย่างเช่น พอหนังเข้า เราชวนคนไปดู เขาจะถามว่าเน็ตฟริกซ์เข้าเมื่อไหร่ จะรอไปดูเน็ตฟริกซ์ กับสองบอกว่าอย่าเพิ่งดูเลยตอนนี้เดี๋ยวก็ลดราคา แล้วเมื่อก่อนลด 89 มา 69 เหลือ 39 บาท มันเป็นอย่างนี้ ตรงนี้ผมมองว่าเขาคิดไม่น่าจะถูก เพราะเป็นการทำลายกันทางอ้อม มันเป็นการด้อยค่าหนังไทยเรา ถ้าหนังฝรั่งมาขายเต็มราคา พอหนังไทยคนบอกไม่เอาเดี๋ยวรอดู ตรงนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งที่คนรักหนังอย่างผมจะต้องมาหาวิธีแก้ไขกัน แล้วไม่ใช่แก้เพื่อตัวเอง แต่ต้องแก้เผื่อไปถึงน้องๆ ให้เขาได้มีเวทีเล่น ให้เขามีรายรับ จะเห็นเลยว่าตอนนี้แพลตฟอร์มมีแต่ของต่างประเทศ ถ้าเราร่วมใจกันแล้วมีแพลตฟอร์มสักอันที่เป็นที่รวบรวมหนังไทยตรงๆ แล้วถ้าทุกคนในประเทศไทยช่วยกัน ไม่ใช่ว่าช่วยผม แต่ช่วยคนทำหนังไทยทั้งประเทศ ก็จะเป็น soft power ที่สำคัญที่สุดที่เรากำลังพยายามพูดกันอยู่ตลอด การที่เราจะต้องสร้างความภารภูมิใจให้กับคนไทยตัวนี้สำคัญที่สุดเลย