“ลุกซ์” เปิดใจครั้งแรก เล่าสาเหตุคนรักเสียชีวิต
ออกมาเปิดใจครั้งสำหรับ “ลุกซ์” น้อง “ใบเตย สุธีวัน” หรือ “ใบเตย อาร์สยาม” หลังชีวิตผ่านมรสุมดราม่าอย่างหนักตั้งแต่พี่สาวและพี่เขยต้องเข้าเรือนจำ และต่อมาแฟนที่รักต้องมาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ โดยล่าสุดเจ้าตัวได้มาย้อนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแฟนหนุ่มให้ฟัง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ว่า
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน ช่วงเที่ยงคืนของวันที่4 พฤษภาคม ปกติเขาจะกลับมาบ้านตอน 6 โมง เขาเป็นวิศวะกรไฟฟ้า บางวันเขาเหนื่อย เขาจะหลับ 2-3 ทุ่มตื่นแล้วจะออกมาวิ่ง แล้วจะมีบางวันวิ่งเสร็จแล้วหิว ห้าทุ่ม เที่ยงคืน ไปกินบะหมี่แถวหมู่บ้านก็จะมี ซึ่งวันนั้นลุกซ์คุยกับเขา ลุกซ์หลับตอน 4 ทุ่มกว่าๆ บอกฝันดีอะไรเรียบร้อยแล้ว ได้รับเมสเสจที่มาเห็นตอนรู้ว่าเขาเข้าโรงพยาบาลแล้ว เขาส่งมาตอน 23:59 ของวันที่3 บอกว่าวิ่งเสร็จแล้วนะ หลังจากนั้น 00:40 เกือบตี1 ญาติเขาโทรมา พี่ลุกซ์ไปดูพี่หน่อย เขาอยู่โรงพยาบาลคุยไม่รู้เรื่องแล้ว ตอนแรกเราคิดว่ามิจฉาชีพหรือเปล่าที่โทรไปหาญาติ เพราะมันไม่ใช่เนเจอร์ที่เขาจะไปไหนเวลานั้น เราตกใจรีบแต่งตัวไปที่โรงพยาบาล สรุปคือเรื่องจริงเขาไม่ได้หมดสติเลย เขาโวยวายอยู่ในเตียง แต่เป็นการโวยวายที่ไม่ได้ลืมตา และไม่ได้โวยวายกับเราแล้ว
ภาพที่เห็นตอนนั้นเรารับรู้ได้เลยมีอุบัติเหตุทางสมองเกิดขึ้น แกโดนมัดทั้งมือเท้าหมดเลย เพราะแกดิ้น แล้วพูดเรื่องงานทั้งหมดเลยเลือดก็มีไหลออกหู แต่ตรงสมองปิดแผลไว้แล้ว ที่เราตกใจเลยคือ ตอนนั้นคือรู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่กับลุกซ์แล้วตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเราไม่ได้พูดกันด้วยความเข้าใจกันแล้ว เราไม่เข้าใจเขาแล้ว บอกเขาสิ่งที่เขาขอเกี่ยวกับงานว่าทำให้แล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะมีช่วงเย็นลง แล้วอยู่ดีๆ ก็กลับขึ้นมาอีก
คุณหมอบอกว่าสมองกระทบกระเทือน วันแรกหมอบอกว่ายังสบายใจได้นะ เพราะว่าคนไข้ที่เป็นอาการเกี่ยวกับสมองแล้วยังโวยวายได้แบบนี้ แปลว่ายังโอเค แต่ถ้าหมดสติ หลับไปแปลว่าหนัก เราก็เชื่อหมอ ฟังที่หมอพูดเราก็มีกำลังใจ คืนนั้นก็อยู่กับแกถึงตี4 แล้วแกถูกส่งตัวไปที่ห้องพักด้านบนแล้วเราไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้แล้ว มาหาแกอีกทีตอนเที่ยงอีกวันวันนั้นไม่ได้ผ่า มาผ่าอีกวันนึง หลังผ่าคุณหมอออกมาบอกว่าทำใจนะ สมองเขากระทบกระเทือนเยอะมาก เขาจะมีโอกาสกลับมาปกติแค่ 3% ตอนนั้นไม่ว่าหมอจะพูดอะไรหนูยังมีความหวังอยู่ 100% ว่าเขามา เรารู่แหละว่าวิทยาศาสตร์เขาพูดแบบนี้ แต่เราเชื่อปาฏิหาริย์ ลุกซ์มีความหวัง ไปเยี่ยมทุกวัน หลังจากนั้น 2-3 วันเลือดยังออกในสมองเยอะอยู่ หมอเลยผ่ารอบที่2 แต่พอหลังจากผ่ารอบแรกเสร็จแกก็หลับไปเลย หลังจากนั้นลุกซ์ไม่ได้ยินเสียงแกอีกเลย ผ่ารอบสองไปสักพักอาการก็ทรงๆ ไม่ได้ดีขึ้น เท่าเดิม บางวันไม่ดี บางวันเท่าเดิม จนถึงวันสุดท้ายวันที่ 18 พฤษภาคม ลุกซ์ไปเยี่ยมแกปกติโดยที่ไม่ได้รับรู้ว่าแกแย่ลงหรืออะไร ไปถึงปุ๊บพยาบาลบอกว่าเขาแย่ลงนะ สารที่ได้รับมาๆ ลุกซ์หันไปถา หมอแค่คำเดียววันนี้ใช่ไหม เขาก็พยักหน้า เขาบอกเรามาว่าให้ไปแจ้งคุณพ่อ คุณแม่แฟนนะ เดี๋ยวเขาจะต้องตัดสินใจเรื่องใช้เครื่องปั๊มหัวใจหรือเปล่า เพราะต้องเป็นพ่อ แม่ ที่ตัดสินใจ เราเลยกลับไปบอกพ่อกับแม่เขา ทุกคนเห็นตรงกันว่าปั๊มแน่นอนเพราะเราอยากให้โอกาสเขาได้ใช้ชีวิต พอ 6 โมงเย็นได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกที ได้เจอหมอได้พูดคุย แล้วเห็นสภาพที่แย่ลงของเขามากๆ พ่อ แม่ เขาเลยตัดสินใจอีกแบบนึง คืนวันนั้นก็ค่อยๆ ไป
วันนั้นช่วงเย็นหัวใจแกเต้น 130 กว่า แต่พยาบาลบอกว่า สมอง ปอด การหายใจ ความดันไม่ดีแล้ว ตอนนี้มีแต่หัวใจ เราก็ยังสงสัยอยู่เลยทำไมหัวใจยังเต้นๆ อยู่ จนหมดเวลาเยี่ยมตอน 2 ทุ่ม หัวใจไม่หล่น พยาบาลเลยบอกว่าลองให้ยาความดันดู เผื่อถ้าความดันกลับมา เขาอาจจะกลับมาได้ดีขึ้น เราก็กลับบ้านกันไป ลุกซ์ถึงบ้านไม่ถึง 15 นาทีได้รับโทรศัพท์ให้กลับไปอีก ภาพที่เจอหัวใจก็ยังเต้น 130 อยู่ แต่พยาบาลบอกตอนที่เรากลับบ้าน หัวใจหล่นลงมาเหลือหลักสิบ แต่พอเรากลับไปก็เป็น 130 จนคุณพ่อ คุณแม่ มาบอกเราว่าต้องให้เขาไปแล้ว ต้องปล่อยเขาไป เพราะเขาทรมาน ก็เลยหาทุกอย่างที่ทุกคนไปมา แล้วบอกว่า เราไม่เป็นอะไรแล้วนะ ที่เคยไปขอกันมา เราปล่อยเขาไปได้แล้ว ไม่เป็นไร เราโอเค เรายกเลิกทุกคำบนบานสานกล่าว ทุกคำขอทุกอย่าง ให้เขาไปเจอทางสบายที่เขาควรจะได้เป็น ควรจะได้ไปดีกว่า