“ยิปซี คีรติ” แชร์ประสบการณ์ตรง ไดเอทจนกลายเป็นโรคทางจิต เครียดเพราะน้ำหนักไม่ลด!
เป็นสาวไซส์มินิที่หุ่นเป๊ะและยังปนความเซ็กซี่ที่หนุ่มๆคนไหนเห็นเป็นต้องหลง สำหรับ “ยิปซี คีรติ” ซึ่งกว่าที่เจ้าตัวจะหุ่นดีขนาดนี้ต้องฝึกการมีวินัยในเรื่องการออกกำลังกายและคุมการทานอาหารอีกด้วย
ล่าสุด “ยิปซี” ได้ลุกขึ้นมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองที่เคยไดเอทจนกลายเป็นโรคจิต ซึ่งมีอยู่ช่วงนึงที่เจ้าตัวตั้งใจลดน้ำหนักทั้งไม่กินแป้ง กินอาหารคลีน ออกกำลังกายอย่างหนัก จะต้องมีการขึ้นตาชั่งเพื่อดูน้ำหนัก พอน้ำหนักไม่ลงตามที่คิดก็เกิดความเครียด ทำสิ่งต่างๆเพื่อให้น้ำหนักลดลง โดยในคลิป ยิปซี ได้เล่าอย่างละเอียดว่า....
“แชร์ประสบการณ์ไดเอทจนกลายเป็นโรคทางจิต ยิปเคยทำคลิปนึงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเนื้อหาในคลิปนั้น ได้มีการเมนชั่นที่ยิปไม่ชั่งน้ำหนักเลย ไม่คุมแคล อะไรก็ตามที่เป็นตัวเลขเป๊ะๆ ยิปไม่เอา เพราะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน วันนี้ที่พูดเพื่อจะขยายความถึงประสบการณ์นั้น ทุกคนสามารถไปเสิร์จกูเกิลได้ คือมันเป็นอาการที่เรียกว่า Eating Dirsorder มันจะมีหลายประเภทมากเลย อย่าง Anorexia , Bulimia , Binge Eating และเดี๋ยวนี้มันคงมีอะไรใหม่ๆมาอีกเยอะมาก ประสบการณ์ส่วนตัวของยิป อยากมาเล่าเพื่อที่จะให้เป็นทางเลือกในการประกอบการตัดสินใจของคนที่กำลังไดเอท หรือ พยายามดูแลรูปร่างตัวเองอยู่
สิ่งที่เราเคยทำ คืองดแป้ง ไม่ใช่ลด คืองดแบบไม่กินแป้งเลย และอดข้าวเย็น ตั้งกฏหลัง 6 โมง ฉันจะไม่กินอะไรแล้ว คุมแคล เมื่อก่อนตอนวัยรุ่น เคยคุมแล้ว พยายามที่จะวันต้องกินไม่เกิน 800-900 แคล หรือแม้กระทั่งช่วงนึง ตอนนั้นที่ย้ายไปอยู่อเมริกาก็กลัวมาก เพราะของที่อเมริกามีแต่ของอ้วน ชีส พิซซ่า พยายามกินแต่แอปเปิ้ล ตอนนั้นคือผอมมาก ก็คือป่วยแหละ ทีนี้ช่วงที่มีอาการทางจิตเป็นยังไง คือเมื่อก่อนยิปจะพยายามอดข้าวเย็น ขาดคาร์ป ออกกำลังกายหักโหมแบบหนักๆ เรียกได้ว่าเอาอะไรเข้าตัวน้อยที่สุด และเอาออกให้เยอะที่สุด เพื่อที่จะตื่นมาชั่งน้ำหนักแล้วตัวเลขลดลง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือจิตเราไปจดจ่อเกี่ยวกับว่า วันพรุ่งนี้เช้าที่ฉันจะตื่นขึ้นมาแล้วต้องเหยียบลงไปในตาชั่ง เลขจะลดลงไหม ถ้าฉันพยายามขนาดนี้ สมมุติวันนี้อดอาหารอย่างดี พรุ่งนี้ต้องลดลงดิ แต่ทุกคนเชื่อไหม บางทีมันไม่ลด แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือบางวันข้าวเย็นก็ไม่ได้กินแต่มันเพิ่ม ถึงจุดนั้น มันเป็นจุดที่เรากลายเป็นประสาท เราเครียดมากและด้วยความที่เราเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ พยายามเอาชนะมัน หรือว่าเราต้องลดอาหารเพิ่ม ต้องออกกำลังกายเพิ่ม ก็คือเป็นป่วย
เรื่องทำอาหารกินเองทุกมื้อ กินคลีนจัดๆ เราผ่านมาค่อนข้างเยอะมาก ๆ ช่วงที่ทำอาหารกินเอง มันก็จะมีปัญหาของการเข้าสังคมไม่ได้เลย เพราะมันเหมือนเรากลายเป็นคนกลัวอาหารปกติ คนเรามันยังต้องได้ใช้ชีวิต ได้ออกไปกินข้าวกับเพื่อน ยังต้องเข้าสังคมบ้าง กลายเป็นช่วงไม่อยากเข้าสังคม เพื่อนนัดเรา อึดอัด เพราะรู้สึกว่าต้องไปกินอาหารข้างนอก เคยโยโย่ เพราะกินคลีนจัดๆ ร่างกายเราเหมือนมันช็อก กินคลีนสะอาดมาก ไม่มีโซเดียม พอกินอาหารปกติไม่กี่มื้อก็บวม โยโย่ขึ้นมาเลย
อะไรก็ตามที่เป็นวิถีชีวิตที่สุดโต่งจนเกินไป ถ้าคุณคิดว่าเราไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ไปตลอดชีวิตจริงๆ อย่างทำเลย อะไรก็ตามที่สร้างความกดดัน ความเครียดให้กับร่างกายมากเกินไป เราไม่ค่อยแนะนำ มีดีเอ็มมาถามเรื่องนี้เยอะมากๆ ว่าคาร์ปต้องเท่าไหร่ โปรตีนต้องเท่าไหร่ แคลกี่กรัม มันทำให้เรารู้ว่า คนปัจจุบันเป็นกังวลเรื่องสุขภาพ กับ การดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ไม่อยากให้ใครอยู่ในจุดที่ไม่ดี เพราะเราใช้เวลานานมากกว่าจะก้าวออกมาจากจุดนั้นได้ กว่าจะตัดใจแล้วโยนเครื่องชั่งน้ำหนักทิ้งไป เพราะติดดูตัวเลข ทุกเช้าที่เหยียบขึ้นไปแล้วตัวเลขไม่ได้เป็นแบบที่คิดไว้ ไม่พอใจ ร้องไห้ วันนั้นทั้งวันไม่มีความสุข
เราไม่อยากให้ความสุขของคุณมันถูกกำหนดไว้ด้วยตัวเลขบนตาชั่ง หรือแม้แต่รูปร่างหรืออะไรก็ตาม หาบาลานซ์ดีๆ เลือกที่เหมาะกับร่างกายของตัวเองจริงๆ สุดท้ายดูแลสุขภาพจิตของตัวเองด้วย ใครอยากให้แชร์เรื่องอะไรอีก ลองคอมเมนต์มา และหวังว่าคลิปนี้จะเป็นประโยชน์ให้คนที่เข้ามาดูนะคะ”