“โบกี้ ไลอ้อน” เล่าโรคจิตเวชรุมเร้า เคยคิดสั้นถึงขั้นอยากดีไซน์การตายด้วยตัวเอง
ทำแฟนถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินเรื่องราวของศิลปินสาวเสียงดี “โบกี้ พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ” หรือ “โบกี้ ไลอ้อน” ที่แม้ภายนอกจะดูสดใส แต่ในใจลึกๆ นั้นเธอเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก คิดว่าไม่สวยตั้งแต่เด็กจนโต อีกทั้งยังเป็นโรคทางจิตเวชรุมเร้า เคยคิดสั้นถึงขั้นอยากดีไซน์การเสียชีวิตด้วยตัวเอง โดยเจ้าตัวเปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW ว่า
อ่านข่าวต่อ : “โบกี้ไลอ้อน” วอนให้เกียรตินักดนตรีอย่างพวกเรา
เราเป็นโรควิตกกังวล (Anxiety Disorder) , โรคภาวะตื่นตระหนกเฉียบพลัน (Panic Disorder) , โรคซึมเศร้า ( Depress ) และ โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder) จริงๆ เริ่มจากอาการนอนไม่หลับก่อน คือไม่สามารถพูดได้ว่าอันไหนคืออันแรก เพราะจริงๆ น่าจะเป็นมาตลอดชีวิต แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นมันคือโรค โบเป็นคนแบบว่าชอบซื้อของไว้เยอะๆ สมมติชอบอะไรอย่างหนึ่งก็จะย้ำอยู่แต่แบบนั้น
แล้วก็เรื่อง Depression ภาวะซึมเศร้า ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นหรืออะไร แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเองต่ำมาก ไม่สามารถหาข้อดีของตัวเองได้ตั้งแต่เด็กจนโต แล้วก็เวลาขึ้นเวทีส่องกระจกทีไร รู้สึกไม่สบอารมณ์ตลอดเลย เพราะรู้สึกว่าทำไมเราน่าเกลียดอย่างงี้ตั้งแต่เด็กจนโต หาข้อเสียของตัวเองเจอตลอดเวลา เราอาจจะคิดว่าเราร้องเพลงได้แต่ว่าเราก็ร้องเพลงไม่ได้ดีขนาดนั้น บางทีอาจจะคิดว่าเราสวยแต่ว่าเราสวยเพราะเราแต่งรูปอะไรแบบนี้ มันจะหาข้อโต้แย้งมาตลอด บวกถึงเรื่องการอยู่คนเดียวแล้วมีความรู้สึกแบบการคิดสั้น ไม่รู้ว่าเรียกว่าคิดสั้นได้หรือเปล่า อยากดีไซน์การเสียชีวิตด้วยตัวเองอะไรแบบนั้น รวมถึงอาการ Panic ก็คือกลัวอะไรบางอย่าง อย่างรุนแรง เช่น กลัวตัวเองเข้าโรงพยาบาล กลัวตัวเองป่วย แล้วก็อ่อนไหวกว่าชาวบ้าน จะเกิดอาการเมื่ออยู่ในที่แคบเข้าไปในลิฟต์แล้วติดลิฟต์บ้างหรือเข้าห้องน้ำแล้วเปิดประตูไม่ออก
ส่วนเหตุการณ์ตอนเด็กๆ มีเยอะมาก มีทั้งสถานการณ์ในครอบครัว ไม่แน่ใจว่าที่บ้านอาจจะวางแผนมีลูกคนเดียวหรือเปล่า แล้วเราดันเป็นอีกคนที่ออกมาแล้วเราก็เกิดก่อนกำหนด มีความบกพร่องหลายๆ อย่างทางร่างกาย แล้วเราเองก็หน้าตาไม่ได้น่ารักตั้งแต่เด็ก ความไม่มั่นใจทางร่างกายก็อาจจะมีความพิเศษนิดหนึ่งก็คือ เคยโดนคนที่บ้านซ้อมตอนเด็กแล้วก็ทำให้ขาลาย เรื่องนี้ไม่ค่อยได้เล่าที่ไหนเพราะว่าตัวเองก็ไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้ ไม่ได้อยากเรียกร้องความสงสารหรืออะไร เพราะมันผ่านมานานแล้ว แต่ว่าเราเพิ่งฉุกคิดได้ตอนโตว่าสิ่งนี้มันคือการซ้อม แล้วก็ร่องรอยตามขาตามตัวของเราที่ไม่มั่นใจในทุกวันนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แผลบางอย่างทั้งทางร่างกายและจิตใจมันก็เป็นแผลเป็นมาถึงตอนโตเนอะ แล้วรู้สึกว่าก่อนหน้านี้สักประมาณ 2-3 ปี โบไม่ใช่ โบกี้ไลอ้อนแบบนี้ โบเป็นคนที่ทำผมทรงเดิมๆ คือฟูๆ สิงโต แล้วเสื้อก็จะใส่แบบเดิมๆ กับกางเกงเอวสูง คือจะเป็นคนไม่ใส่กางเกงขาสั้นหรืออะไรสั้นเลย เพราะรู้สึกว่าหลังก็ต้องปิดเพราะมีรอยสิว ส่วนขาก็จะมีร่องรอยแผลเป็นเยอะมาก บางอย่างที่มันช้ำ มันก็ช้ำอยู่อย่างงั้นมาจนโต บางสิ่งที่มันหายไปแล้วบางทีก็อยู่ในใจเนอะ เรารู้สึกว่า ตอนนี้เรามีข้อบกพร่องหลายอย่างในตัว แล้วเรามองเห็นมันด้วย เราก็รู้สึกว่าปิดเถอะ