“เอ พศิน” ไลฟ์สดเล่านิทานสาวยืมเงินซื้อกระเป๋าหรู แต่ตีมึนไม่ยอมคืน!
ทำเอาต่อมเผือกทำงานหนักอีกแล้ว เมื่อจู่ๆ ได้มีการแชร์คลิปที่ “เอ พศิน” ได้ออกมาไลฟ์สดเล่านิทาน โดยในคลิปดังกล่าว “เอ พศิน” ได้เล่าถึง ช่วงหนึ่งของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีงามในช่วงแรก แต่มันเกิดปัญหานิดหนึ่ง
ซึ่งในวันที่ 11 เดือนเมษายน ที่ผ่านมา จะเป็นการเจอกันครั้งที่สองระหว่างเอกับฝ่ายหญิง เป็นการเปิดเผยที่ค่อนข้างโปร่งใส แต่ตอนนั้นรายการยังไม่ได้ออกอากาศ มีการนัดเจอกันกับฝ่ายหญิง ที่พาเพื่อนมาด้วย ส่วนเอก็มากับลูกชายจากนั้นเอก็ไปส่งพี่คนหนึ่งที่เป็นทีมงานของรายการนั้น กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังจากไปส่งที่สนามบินเสร็จเอก็ถูกชวนไปที่บ้านของนักกฎหมายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนดังใน TikTok ตอนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในรายการไปด้วยเอก็รู้สึกอุ่นใจดี
ระหว่างนั้นมีการไลฟ์ขายกระเป๋าแบรนด์ดังที่ผู้หญิงชอบใช้กัน สามารถขายได้และราคาไม่ตก ถ้าอยู่ในสภาพที่ดี ซึ่งฝ่ายหญิงก็อยากได้กระเป๋าใบหนึ่งราคา 120,000 บาท แต่ตอนนั้นวงเงินในบัญชีของฝ่ายหญิงไม่สามารถโอน100,000 บาทได้ จึงหันมาถามเอ ที่ตอนนั้นมีเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 80,000 บาท ซึ่งวงเงินของเอโอนได้ครั้งละ50,000 บาทต่อบัญชี เอมี 2 บัญชี ก็เลยช่วยฝ่ายหญิงด้วยการโอนไป 50,000 บาท ส่วนอีกบัญชีโอน 15,000 บาทไม่มีคำว่าขอ เพราะเพิ่งเจอกันครั้งที่ 2 จะให้เปย์ก็ไม่ได้ ที่ต้องออกมาพูด เพราะมีคำพูดบางคำที่รู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรม เอได้ส่งข้อความไปหาฝ่ายหญิงในไลน์ คิดว่าฝ่ายหญิงน่าจะได้อ่านข้อความแล้ว แต่ไม่ขึ้นสเตตัสว่าอ่าน จึงทำให้รู้สึกว่าถูกเพิกเฉย ไม่ให้เกียรติ การที่ฝ่ายหญิงบล็อกโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของเอ ตอนนี้ตนเริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไร
ทั้งนี้เจ้าตัวยังยืนยันว่า ที่ฝ่ายหญิงบอกว่าเอเป็นสายเปย์ ตนไม่ใช่สายเปย์ แค่ช่วยแก้ปัญหาให้ฝ่ายหญิงในส่วนของการโอน ณ เวลานั้น เพราะวงเงินอีกฝ่ายไม่พอ จึงให้เครดิตกับเขาว่า เขาน่าจะซื่อสัตย์กับเอ พอเวลาผ่านไป ตอนที่คบกัน เอก็ไม่ได้ทวง ตอนเลิกรากันไป ฝ่ายหญิงก็เหมือนจะได้เจอคนที่ดีกว่าและมีฐานะที่ดีกว่าเอแล้ว หรือถ้าขายกระเป๋าได้ก็โอนคืนมาหน่อย เท่าที่จะโอนไหว เงิน 65,000 บาท มันอาจจะไม่ได้เยอะมากมาย แต่ก็เอาไปช่วยเหลือผู้อื่นได้เป็นค่าเทอมลูกได้เป็นปี เทียบกับกระเป๋าใบหนึ่ง หรือจะหั่นกระเป๋าครึ่งหนึ่งมาคืนก็ได้ จริงๆ จะไม่ทวงก็ได้ แต่เพราะถูกพูดถึงในมุมที่ไม่น่ารัก ไม่ให้เกียรติ จึงต้องออกมาพูด