ทำไมผู้กำกับ “พรหมลิขิต” บอกว่าผู้ที่มารับบทขุนหลวงท้ายสระมีแต่ช้อยส์เดียวคือ “เกรท วรินทร”
เป็นละครฟอร์มใหญ่ที่แฟนติดตามและรอคอยสำหรับ “พรหมลิขิต” ตอนต่อของ “บุพเพสันนิวาส” ล่าสุด “เกรท วรินทร” โพสต์ขอบคุณผู้จัดละคร “หน่อง อรุโณชา” ที่ทำให้เขาได้มีส่วนร่วมในละครเรื่องนี้
อ่านข่าวต่อ: หวานเจี๊ยบ! “แมท ภีรนีย์” ประกาศบอกรัก “เกรท วรินทร” กลางไอจี
สำหรับกระแสในโซเชียลมีการแชร์บทสัมภาษณ์ผู้กำกับละครเรื่องนี้ โดยเธอให้สัมภาษณ์ว่าที่มารับบทขุนหลวงท้ายสระ มีแต่ช้อยส์เดียว คือ “เกรท วรินทร” ด้วยบุคลิกและการแคสติ้ง ถือว่าใกล้เคียงและสอบผ่าน
ในแง่ของประวัติศาสตร์นั้น บทที่เขาได้รับคือ “ขุนหลวงท้ายสระ” ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 หรือ พระเจ้าท้ายสระ หรือ พระเจ้าบรรยงก์รัตนาสน์ เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่สามแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา
เกร็ดที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระองค์ พระองค์โปรดเสวยปลาตะเพียนมาก โดยออกพระราชกำหนดห้ามราษฎรจับหรือรับประทานปลาตะเพียน หากผู้ใดฝ่าฝืน มีบทลงโทษคือปรับเป็นเงิน 5 ตำลึง หรือ 20 บาท
พระราชทานท้องพระโรงแก่สมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระองค์โดยล่องเรือจากอยุธยาไปเพชรบุรีแล้วไปสร้างที่วัดใหญ่สุวรรณาราม (วัดสุวรรณาราม บ้างก็เรียกวัดใหญ่) จึงทำให้คงเหลือพระราชวัง ท้องพระโรงที่แสดงถึงศิลปกรรมของอยุธยาที่เหลือรอดจากการเผาของพม่าเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 อยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
ในรัชสมัยของพระองค์ มีการขุดคลองสำคัญอันเป็นเส้นทางคมนาคม คือ "คลองมหาไชย" และ "คลองเกร็ดน้อย" มีการแข่งกันสร้างวัด ระหว่างพระองค์กับพระอนุชา คือ วัดมเหยงคณ์และวัดกุฎีดาว มีการเคลื่อนย้ายพระนอนองค์ใหญ่ของวัดป่าโมกเพื่อให้พ้นจากการถูกน้ำเซาะตลิ่ง เป็นต้น