“เกริก ชิลเลอร์” แม่นจัดทักเพื่อนถึงฆาต เจอดีเจ้ากรรมนายเวรหวิดเดินไม่ได้ 2 ปี
ผันตัวมาเป็นหมอดู สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่ “เกริก ชิลเลอร์” โดยเจ้าตัวได้ออกมาเผยจุดเริ่มต้นของการเป็นหมอดูเพราะอยากเช็คดวงตัวเองช่วงลำบาก ? ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ว่า
คือแทบจะเป็นหมอผีอยู่แล้วทุกวันนี้ จุดกำเนิดการดูไพ่ทาโร่ของผมคือ ตั้งแต่ตอนอายุ 23 กลับมาจากอเมริกา กลับมาไม่มีเงิน ถังแตกกลับมา เอ๊ะ…ชะตาชีวิตเรามันจะเป็นยังไง ตามสไตล์คนที่ดวงตกแล้วเมื่อไหร่ดวงจะขึ้น เราก็อยากรู้แต่จะไปหาหมอดู หมอดูมั่วหรือเปล่า เราไม่มั่นใจ พอดีอาจารย์ขุนทอง อัศนี เขากำลังดัง แล้วเขาทำเป็นหนังสือพร้อมกับไพ่ขาย เราก็ไปซื้อมา พอชำนาญเสร็จปุ๊บ ถึงเวลาที่จะต้องดูดวงตัวเองแล้วว่าจะเป็นยังไง จะอยู่แบบนี้อีกนานไหมอดมื้อ กินมื้อเนี่ย เปิดมา 3 ใบ อดีต ปัจจุบัน อนาคต อนาคตเป็นซุปเปอร์สตาร์ มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศเลยเหรอ คือสภาพช่วงตอนนั้นพี่ เศษบุหรี่ยังต้องเก็บดูดเลย เช่าบ้านเขาอยู่มาโดยตลอด ตอนนั้นก็ขนลุกครับ เพราะไพ่ที่ผมเปิดมา คือ ไพ่เดอะฟู หมายถึงการเป็นอิสระ ไพ่เดอะซัน ขึ้นมา หมายถึงการกำเนิดใหม่ และไพ่เดอะสตาร์ขึ้นมาหมายถึงจะให้ผลดีกับนักร้อง นักแสดง จะทำให้มีชื่อเสียง และมีความสุขไปเรื่อยๆ
ก่อนที่พี่พูดว่าพี่ไม่ดูดวงให้ใคร พี่ดูดวงให้เพื่อน แล้วพี่ก็ไม่ดูอีกแล้ว หลังจากที่พี่ฝึกดูดวง แล้วดูตัวเองเสร็จ พี่ก็เข้าไปในกลุ่มเพื่อนพี่เลย พวกที่เป็นนักร้องทั้งหลาย แล้วพี่มีเพื่อนอยู่คนนึง ชื่อ โรเบิร์ต พี่ก็เปิดไพ่ให้เขา 3 ใบ แต่ออกมาไม่ดี ออกมาว่าเขาจะต้องเสีย ผมหาทางออกไม่เป็นเลย ตอนนั้นอายุ 23 ปี ผมคงจะพูดไม่เป็นหรอกว่าช่วงนี้ให้ระวังตัวหมั่นทำบุญกรวดน้ำ ผมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลย ผมเลยบอกเขาว่า ดี ดัง ดัง ดัง ตามสไตล์เด็กวัยรุ่น ให้เขาสบายใจแล้วมันทำให้ผมรู้สึกผิดมาจนถึงวันนี้ว่าทำไมเราไม่พูด มันด้วยสติปัญญา ณ ขนาดนั้น ถ้าตอนนั้นพูดไปเขาอาจจะทำให้เขาระวังตัว ณ ช่วงเวลานั้นคิดไม่ได้ เห็นอย่างเดียวก็คือตาย หลังจากนั้นประมาณ 2-3 เดือน เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปรถทับเสียชีวิต
เหตุการณ์นั้นมันทำให้พี่กลัว กลัวไพ่ทาโร่ แล้วไม่กล้าเปิดให้ใครอีกแล้ว เพราะว่ากลัวเขาจะตาย มันคือเรื่องที่ยากที่สุดแล้วสำหรับนักทำนาย เมื่อเห็นดวงชะตานี่เกิดขึ้น แล้วเราไม่รู้ว่าจะต้องไปแก้มันยังไงด้วย จนมาช่วงหลังๆ เรารู้แล้วการตายคือปลายเหตุของมัน เราสามารถที่จะยืดผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ เราก็ไปที่ต้นเหตุ เราต้องรู้ให้ได้ว่าต้นเหตุมันคืออะไร