“นุ่น เนตรชนก” ถอยออกจากคณะลิเก “ศรราม น้ำเพชร” เหตุเกิดเรื่องอึดอัดปมจิ้นสร้างเรื่อง
ออกมาแถลงแล้วสำหรับ “นุ่น เนตรชนก” ที่รับบท “ดำดง” จากคณะลิเก “ศรราม น้ำเพชร” ที่เจ้าตัวป่วยและหยุดแสดงไปหลายวัน จนแฟนคลับบ่นคิดถึง แต่ล่าสุดดูเหมือนเส้นทางต้องสะดุดลงเพราะเจ้าตัวได้ออมาไลฟ์สดขอถอยออกจากคณะ พร้อมยอมรับว่าเกิดอาการตึงจริงทั้งหน้าและหลังเวที ซึ่งบางส่วน “นุ่น” ได้เล่าว่า
“ประมาณวันที่ 25-26 หนูเข้าไปคุยกับหัวหน้าว่ามีอะไรหรือเปล่า เราไปทำอะไรให้ไม่พอใจไหม สรุปแล้วแบงค์บอกมาว่าที่ตึงเพราะว่ามีคนมาเล่าให้แบงค์ฟังและก็มีคนส่งมาให้แบงค์ดูเรื่องคู่จิ้นนุ่นแบงค์ ในด้อมคู่จิ้นนุ่นแบงค์ค่ะ ในคู่จิ้นนุ่นแบงค์ตัวแบงค์ก็ไม่ได้ห้ามแต่ว่าจิ้นเยอะเกินไป แล้วแบงค์ก็มองว่าทำไมตัวนุ่นถึงนิ่ง ทำไมไม่พูดอะไรเลยประมาณนี้ แบงค์เลยรู้สึกไม่โอเคที่นุ่นนิ่งและไม่พูดอะไรเลยหรือนุ่นจะโอเคเรื่องด้อมคู่ นุ่นเลยคุยกันตามประสาเพื่อนว่าไม่ได้ดิแบงค์ ถึงเรารู้เรื่องแต่เราจะทำอะไรได้เพราะว่านุ่นไม่รู้เรื่องว่าใครเป็นคนสร้างขึ้นมา”
“(ร้องไห้) พอวันที่ 27 หนูก็กลับมาทบทวนตัวเองว่าจะยังไงต่อไป หนูก็คุยกับแม่เพราะหนูก็มีกันกับแม่แค่ 2 คน ก่อนหน้านี้หนูก็คุยกับแบงค์ว่ามันอึดอัดนะที่มันเป็นแบบนี้ ตัวแบงค์เองก็บอกว่าใช่ก็อึดอัดเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไงเพราะหลักๆ ที่เค้าพูดมาก็คือเรื่องจิ้น แต่ซึ่งหนูไม่รู้เรื่องไง หนูไม่รู้เรื่องนี้ จะให้พูดกี่ครั้งหนูก็ไม่รู้ว่าใครมาด่าน้อง”
“เราพยายามอดทนมาหลายเดือน แต่ถ้าหัวหน้าไม่คุยด้วยเล่นข้างหน้ามันก็ตึง มันเปลี่ยนไปจากช่วงแรกเยอะเลยค่ะกับการแสดงนะคะ เปลี่ยนไปเยอะเลยเปลี่ยนไปเยอะมากๆ หนูเป็นคนเล่นเองหนูยังรู้สึกได้เลยค่ะ ถ้าหนูไม่รู้สึกได้หนูคงไม่กล้าเดินเข้าไปถามเขาตรงๆ แบบนั้น ทั้งโรงมันไม่ได้คุยจอยกันไงคะ จากที่เคยคุยจอยกัน แต่ปกติมันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แต่อันนี้คือหัวหน้าเลยค่ะ เพราะเราต้องเล่นกับเขาหน้าเวที หลังๆ ก็คือเจอกับเขาตลอดเพราะว่าเล่นดำดงไง ตรงไหนมันไม่ได้แล้วเพราะเราพยายามมาหลายเดือนแล้ว”
“หัวหน้าเค้าก็เล่าให้ฟังว่าเค้าไม่ได้เห็นเอง แต่มีคนส่งมาให้ดูบ้างเรื่องคู่จิ้นอะไรแบบนี้อ่ะค่ะ หนูก็ได้บอกเรื่องนี้กับพี่บิ๊กไปก่อนหน้านี้แล้ว หนูเริ่มรู้สึกได้ตอนที่ทุกอย่างมันเริ่มตึงจัดแล้วอ่ะ หนูทำงานเสร็จ กลับมาบ้านหนูก็ร้องไห้ ขับรถกลับหนูก็ร้องไห้ เพราะหนูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นไง หรือเป็นเพราะหนูบกพร่องไหมหนูก็พยายามปรับโดยที่ไม่รับงานไม่อะไร”
พร้อมทิ้งท้ายว่าตนเองรักอาชีพลิเกมากเลยนะ แต่ถ้าอยู่แล้วมันอึดอัด หนักใจ มันเหนื่อยใจแล้วจะอยู่ยังไง อยู่แล้วก็ไม่มีใครคุยด้วยจะทำงานยังไง ก็ขอถอยออกมา ตนก็ไม่ได้ทิ้งลิเก ก็ยังเล่นลิเก ไม่ได้เข้าสังกัดไหนแน่นอน ขอตั้งหลักอยู่กับแม่สองคน หลังจากนี้เป็นยังไงก็จะสู้ เดี๋ยวทุกอย่างคงจะดีขึ้น พร้อมขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตตลอดมาหวังว่าจะอยู่ด้วยกันต่อไป