“แพรวพราว แสงทอง” เล่าปัญหาทำเลิกสามี ยันไม่ได้นอกใจ แค่คุยแต่ไม่มีอะไรเกินเลย

“แพรวพราว แสงทอง” เล่าปัญหาทำเลิกสามี ยันไม่ได้นอกใจ แค่คุยแต่ไม่มีอะไรเกินเลย

0

แพรวพราว แสงทองเล่าปัญหาทำเลิกสามี ยันไม่ได้นอกใจ แค่คุยแต่ไม่มีอะไรเกินเลย

       เจ้าแม่ลำซิ่งแถวหน้าของเมืองไทย แพรวพราว แสงทอง จะมาเปิดใจครั้งแรกกับมรสุมชีวิตรักกับอดีตสามีเด็ก พร้อมตอบประเด็นถูกสังคมตราหน้าว่าแอบคบคนในวง ตอบทุกคำถาม เคลียร์ทุกดราม่า ผ่านทาง รายการ คุยแซ่บshow

อ่านข่าวต่อ:“แพรวพราว แสงทอง” เคลียร์ประเด็นโชว์บึงกาฬไม่มีแดนเซอร์

แพรวพราว แสงทอง

แพรวพราว แสงทอง​​​​​​

        ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?

แพรวพราว : โอเคมากๆ ค่ะ อยู่กับลูก เรารู้สึกผ่านตรงนั้นมาได้ ตอนนี้มันโล่งขึ้นเยอะมาก

ล่าสุดโพสต์อวดพรอดีตสามี?

แพรวพราว : ที่จริงเป็นปกติของอดีตสามี แต่เรายังมีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่งแพรวอยาเป็นตัวแทนของลูกอวยพรพ่อ ยังไงมันก็หนีไม่พ้นคำว่า พ่อของลูก แม่ของลูกอยู่แล้ว

ถ้ามันไม่มีโมเมนต์หรือความรู้สึกดีๆ มันจะคุยกันเรื่องลูกลำบากเหมือนกัน เป็นแบบนั้นหรือเปล่า?

แพรวพราว : จริงค่ะ เวลาที่เรามองหน้าลูกมันอ่อนลงเยอะ จากที่เราเป็นคนแข็ง ไม่ยอม

       ใช้คำพูดนี้ได้ไหม ต่อให้สถานการณ์นั้น เราอยากเอาชนะยังไงก็แล้วแต่ แต่พอเห็นหน้าลูกเรายอมเป็นฝ่ายถอย?

แพรวพราว : ใช่ค่ะ หนูยอมแพ้ก็ได้ เห็นหน้าลูกแล้วฉันยอมก็ได้

ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์

 

แพรวพราว แสงทอง

พูดแบบนี้คนก็ลุ้น จะมีโอกาสให้อภัยและกลับมารีเทิร์น กลับมาเป็นสถานะเดิมไหม?

แพรวพราว : ที่จริงแพรวก็ไม่ได้มีอะไร อย่างที่บอกว่า ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ อยู่กับลูกนะ ไม่ได้ไปไหน เขาจะมาตอนไหนก็ได้

มาหาลูกหรือมาหาเรา?

แพรวพราว : ยังไงก็ได้ มาอยู่ลูกหรือกลับมาอยู่ด้วยกันก็ได้ อันนี้แพรวไม่ได้ติดนะ

ยังรักเขาอยู่ไหม ?

แพรวพราว : มันเป็นความผูกพันมากกว่า แล้วก็ห่วงใยมากกว่า ถ้าจะบอกว่ารักก็คือ มันเรื่องราวเยอะแยะมากมายที่ทำให้เรารู้สึกว่า เสียใจเหมือนกัน

ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์

ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์

หลังจากที่โพสต์อวยพรไปมีการคุยกันไหม ?

แพรวพราว : ที่จริงแชทอวยพรส่วนตัวด้วย เขาตอบว่า ขอบคุณจ้า

 

ฝั่งนี้เหมือนเปิดใจรอได้กับการกลับมาอยู่ร่วมกัน แต่อีกฝั่ง เขาบอกว่าถ้าเป็นไปได้ไม่ขอกลับมาร่วมงานกันอีก?

แพรวพราว : แพรวไม่ค่อยได้ดูคลิปอะไรเขาเลย แต่ก็มีคนส่งมาให้ดู แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทำเพื่อลูกลูกได้ไหม

       คำว่าทำเพื่อลูกได้ไหมคือให้กลับมาทำงานกัน แล้วสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อลูก หรือให้กลับมาคบกัน คุยกันเพื่อลูก มันมี 2 กรณี?

แพรวพราว : ไม่ค่ะ ถ้าเขาบอกรีเทิร์น มูฟออนแล้ว เพื่อลูกก็คือ หาเวลามาอยู่กับลูกบ้าง ให้ลูกได้เห็นว่า พ่อ แม่ ลูก อยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้มีการสาดสีอะไรใส่กัน หรือคอนเทนต์นู่นนี่นั่นให้รู้สึกว่ามันแย่ อยากให้จบ ไม่อยากให้พูดถึงเรื่องครอบครัว อาจจะพูดถึงเรา แต่มันกระทบถึงลูก เพราะว่าเราก็อยู่กับลูก

       ช่วงนี้เป็นช่วงเป็นฤดูกาลของหมอลำ แต่ก็มีงานของทั้งคู่ตอนที่ที่ยังไม่เลิกรา เขาจองกันข้ามปี มีการรับงานคู่ไว้แล้ว ลูกค้าก็น่ารักไม่คืนคิว คืนงาน พอเปิดฤดูกาลต้องทำงานด้วยกันอีก ตรงนั้นได้แพลนหรือมีการพูดคุยกันไหม?

แพรวพราว : อย่างที่เขาบอกไม่อยากร่วมงานกันแล้ว สำหรับแพรวถ้าเจ้าภาพจ้าง สปิริทของนักแสดงหรือศิลปินมันต้องทำได้สิ สำหรับแพรวไม่ติดนะถ้าขึ้นเวทีเดียวกัน เพราะมันคือการทำงาน แต่พอเขาพูดแบบนั้นว่าไม่อยากร่วมงาน เราก็พยายามเคลียร์เจ้าภาพ โอเคไหม ถ้าเขาไม่โอเคก็คืนงานได้

แพรวพราว

ย้อนกลับไปตอนมีเรื่อง จริงๆ ก่อนจะมีการโพสต์ถึงกันและกัน หลังเวที ยังวางแผนเรื่องไปเที่ยว เรื่องใช้ชีวิตมีความสุขด้วยกันอยู่เลย?

แพรวพราว : ที่จริงเรื่องราวมันเกิด และรับรู้ปัญหา ก่อนหน้าที่เขาไลฟ์หนึ่งอาทิตย์ เราได้คุยกันหลังบ้านเรียบร้อย ยืนยันตรงนี้เลยมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับบุคคลที่สาม ที่บอกว่าอยู่ในวง เราไม่ได้มีอะไรที่เกินเลย หรือไปคบชู้อย่างที่สังคมเขากล่าว

ก่อนมีการโพสต์แสดงว่าเรามีปัญหากันในบ้านแล้ว?

แพรวพราว : มีปัญหากัน ครอบครัวมันก็ต้องมีเรื่องราวที่เราน้อยใจ อาจจะไม่เข้าใจ พอมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น เราก็ได้พูดคุยกันหลังบ้าน ก็บอกไปแล้วมันไม่ได้มีอะไร แต่อยู่ดีๆ เขาก็โพสต์และไลฟ์สดขึ้นมา ก็เลยช็อคเหมือนกัน จริงๆมันไม่ได้มีอะไร ถามว่าคุยจริงไหม คุยจริง แต่มันไม่ได้มีอะไรเกินเลย

แพรวพราว

แล้วทำไมเขาออกมาไลฟ์ว่าเราไปคบกับคนหนึ่งที่อยู่ในวง ?

แพรวพราว : มันน่าจะมีหลายปัจจัย 1. เขาใจร้อนด้วย และอาจจะมีคนที่ใส่ข้อมูลอะไรเข้าไป หนูยืนยันตรงนี้เลยมันไม่ได้มีอะไรจริงๆ ซึ่งหนูก็คุยกับเขา แล้วเขาก็อัดคลิปเสียงไว้ด้วย หนูยืนยันกับเขาหนูไม่ได้มีอะไรนะ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆนะ

ตอนนั้นมีปัญหาชีวิตคู่ แต่ไม่เจาะลึกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ทำไมเราไม่เคลียร์กันสองคน แต่ใช้วิธี

 

น้อยใจแล้วไปปรึกษาคนที่สาม?

แพรวพราว : ที่จริงมันไม่ได้เริ่มต้น ด้วยการเลือกที่จะปรึกษาเลย แต่เราคุยเรื่องงาน คนในวง เรามีการสื่อสารเรื่องการทำงาน บางทีเรามีความน้อยใจ ซึ่งก่อนหน้านั้นมันก็ไม่มีใครรู้หรอก หนูไม่สามารถออกมาพูดได้ว่าปัญหานั้นมันคืออะไร เพราะมันไม่จำเป็นต้องพูด เพราะว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัว แต่ทุกอย่างมันมีเหตุและผลของมัน ถ้าผู้หญิงก็จะมองออกว่ามันคืออะไร แพรวไม่อยากลงรายละเอียดว่าเราน้อยใจเขาเรื่องอะไร

 

แล้วทำไมถึงเป็นคนนี้ที่เราคุย ทำไมถึงเลือกที่จะคุยกับคนนี้ ?

แพรวพราว : มันคุยเรื่องงาน เหมือนเราส่งงานให้เขา ไปเคลียร์ตรงนี้ให้หน่อย มันรู้สึกว่าเขาเคลียร์งานให้เราได้ ช่วยงานเรา เหมือนเราเป็นผู้หญิงคนเดียว ที่บริหารวง พอเราบอกว่าช่วยดูตรงนั้นให้หน่อย ตรงนี้ให้หน่อย เขาเหมือนทำงานตรงใจเรา

 

เรียกว่าไว้ใจ ที่คุยกับคนนี้น่าจะได้คำตอบ หรือได้รับความสบายใจ?

แพรวพราว : ก็ประมาณนั้น แต่มันไม่ได้มีอะไรเลย เราไม่ได้คิดจะเอาเขาเข้ามาในครอบครัว ทำให้เกิดปัญหา

 

แล้วทำไมทำให้อดีตสามีเราเข้าใจผิดในเรื่องของความสัมพันธ์ ?

แพรวพราว : มันก็ไม่ได้มีอะไร ความใจร้อนด้วยแหละ และเราก็เป็นคนใจร้อนเหมือนกัน มันเหมือนกับสาดกันไปกันมา เหมือนเราบอกว่าอยากให้เขาเป็นอย่างนี้ อยากให้เขาเปลี่ยนอย่างนี้ คือเราอยู่จุดนี้ ถ้าย้อนกลับ เราน่าจะมานั่งคุยกันมากกว่า เราน่าจะเยอะกว่านี้

       ตอนนั้นที่อดีตสามีมาไลฟ์ ทางฝั่งเราก็มีการไลฟ์เหมือนกันบอกว่าเขาไปเที่ยวบาร์เกย์ ทำไมตอนนั้นถึงเอาข้อมูลนี้ออกมา?

แพรวพราว : ที่จริงแพรวก็เชื่อใจเขานะ ว่าเขาไม่ได้ไปนอกใจอะไรเรา เรื่องบาร์เกย์เขาก็เที่ยวจริง แต่เขาไม่ได้ไปคนเดียว เขาไปกับน้องๆ ในวง ตอนนั้นน่าจะเป็นภาวะทางอารมณ์ อดีตสามีเขาก็อายุน้อยกว่าเราเยอะ แต่เราผ่านอะไรมาเยอะ เรารู้ว่าอะไรยังไง แต่เขายังไม่เคยผ่านในจุดนี้ มันก็เลยมีเรื่องของอารมณ์ขึ้นมา

       และตอนนั้นเห็นว่ามีความกลัวหลายอย่าง กลัวเรื่องความสัมพันธ์ และกลัวเรื่องเจ้าภาพไม่จ้าง ตอนนั้นดาวน์ขนาดไหน เห็นว่าร้องไห้บ่อยมาก?

แพรวพราว : สำหรับแพรวเราอยู่ได้นะ เรามีธุรกิจส่วนตัว ที่เราห่วงคือลูกน้องในวง เจ้าภาพคนที่จ้างเรา บางงานก็เป็นงานที่ปิดวิค เก็บบัตร เจ้าภาพขาดทุนทำไงดี เราก็เป็นห่วง เพราะมันมีเอฟเฟคมาลูกน้องเรา 100 ชีวิต เขาจะอยู่ยังไง

 

วันนั้นเรารู้สึกยังไงเมื่อฐานะที่เป็นคนคุมวง แล้วมันมีผลกระทบเป็นลูกโซ่เลย?

แพรวพราว : อันดับแรกเลยคือต้องมีสติ นั่งคุยกับตัวเอง โอเคเรื่องมันเกิดแล้ว เราไม่สามารถไปแก้ไข หรือคนคอมเม้นต์อะไร เราไม่สามารถไปหยุดใครได้ ณ ตอนนั้น คือกระแสมันแรง เรานิ่งและตั้งสติก่อนว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นแล้ว และตอนนี้เราทำอะไรอยู่ และเรามีอะไรต้องรับผิดชอบ 1.ลูก ครอบครัว งาน หน้าที่และลูกน้องในวง พอเราตั้งสติได้เราก็ทำงาน แต่ในระหว่างที่เราทำงาน เราก็มีความระแวงว่า ฉันไปงานนี้จะมีคนมาด่าไหม แต่มันก็ผ่านไปได้ทุกงาน โดยที่ไม่มีใครมาชี้หน้าด่าเรา และลูกน้องในวงก็ยังอยู่ครบ เหมือนเขามองเราแบบ บอส หัวหน้า เป็นยังไงบ้าง ทุกคนเห็นหน้าเราเหมือนจะร้องไห้ แต่เราก็ยิ้มให้เขา

แพรวพราว

แล้วเราก็เดินขึ้นเวที แล้วลูกน้องข้างหลังก็ร้องไห้

ตอนอยู่ต่อหน้าลูกน้องเราเข้มแข็ง แล้วตอนอยู่คนเดียวล่ะ?

แพรวพราว : ตอนอยู่คนเดียวเรานึกถึงแม่ คือแม่เสียแล้วนะ ตอนนั้นเรามีแม่ เรามีปัญหาอะไรปรึกษาแม่ แม่ช่วยหน่อย แต่พอแม่ไม่อยู่ เราอยู่คนเดียว ก็พยามจะนึกถึง แม่ก็ไปแล้ว ถ้าเราล้มอีกคนนึงแล้วครอบครัวลูกจะอยู่ยังไง ที่สำคัญเรื่องนี้ฉันไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ในส่วนที่หนูผิด หนูก็ยอมรับ ทำไมเราไม่เลือกที่จะคุยกัน เธอไปคุยกับคนนั้น อันนี้หนูผิด แต่ก่อนหน้าหน้านั้น ทำไม 1,2,3,4 มันมีเหตุผลของมันอยู่แล้ว แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรหนูต้องยอมรับให้ได้ หนูต้องบอกตัวเองว่าต้องยอมรับมันให้ได้ มันไม่มีความทุกข์ไหนที่ตลอดไป ไม่มีความสุขไหนที่จะอยู่กับเราตลอดไป

 

วันนั้นเราโดนชาวเน็ตประณามว่าเราเป็นฝ่ายผิด ไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น วันนี้เรายืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง?

แพรวพราว : ไม่แน่นอน ไม่มีอะไรเกินเลย เราไม่ได้คบชู้แน่นอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments