“ณัฏฐ์ เทพหัสดิน” ช็อก! เสียดาย “อ๋อม” ไปเร็ว เผยสิ่งที่อยากขอโทษ
เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน เข้าวงการพร้อมกัน นักแสดงหนุ่ม “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ได้มาร่วมอาลัยกับการจากไปของน้องคนสนิท “อ๋อม อรรคพันธ์” และยังเผยว่าช็อกมาก ไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้
อ่านข่าวต่อ : "ณัฏฐ์ เทพหัสดิน" ขอโทษที่ไม่ได้โทรหา "อ๋อม" บ่อยมากกว่านี้ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนจากไปแล้ว
“ผมสนิทกับอ๋อมตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ ตั้งแต่แก๊งอ้วน, อ๋อม , กันต์ คือแก๊งเดียวกันหมด โตมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน วันที่รู้ข่าวผมอยู่ที่เชียงใหม่ ตื่นมาวันนั้นก็ได้ข่าวร้าย จริงๆ ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ เพราะเมื่อต้นปีทราบข่าวมาว่าอ๋อมเขาดีขึ้น จากการทำคีโมครั้งแรก และดูเหมือนว่าเขาสดใสขึ้น เราได้ข่าวดีมาเราก็รู้สึกดีใจ แต่เมื่อ 1-2 เดือนที่แล้วก็ได้ข่าวจากเพื่อนสนิทอีกคนว่าเหมือนมะเร็งกลับมาอีกรอบ เขาก็ยังสู้อยู่ แต่เหมือนรอบนี้น่าจะมีอะไรที่มันยากกว่ารอบแรก เรื่องของการรักษารายละเอียดเราก็ไม่ได้ลงลึก เพราะผมก็ทราบดีว่าอ๋อมค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัว ยิ่งเขาป่วยหรือเป็นอะไรก็ไม่ค่อยบอกให้ใครรู้ เขาจะเก็บไว้คนเดียว ด้วยนิสัยเขาเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เราก็เลยไม่ค่อยได้ติดตามถามสักเท่าไหร่แต่เราคิดในแง่ดีมาตลอดว่าเพื่อนเราต้องสู้ไหว เพราะเขาเป็นนักสู้ เขาเป็นคนที่เล่นกีฬา เราเล่นกีฬามากับเขา เรายังรู้สึกว่าอ๋อมเป็นคนที่มีความพยายาม มีความตั้งใจ และมีอุตสาหะมากๆ เราก็รู้สึกว่ามันต้องมีปาฏิหาริย์ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็คงเหนื่อยจริงๆ เมื่อวานก็ได้คุยกับน้องอุ๋ม (น้องสาวอ๋อม) น้องอุ๋มก็บอกว่ามันเป็นตัวที่รักษาไม่หายจริงๆ เราก็เสียใจที่ไม่ได้คุยกับเพื่อนมากกว่านี้ อันนี้เป็นอย่างเดียวเลยที่รู้สึกเสียใจ พอเราเริ่มโตมีครอบครัวก็ห่างๆ กันไป จากที่เมื่อก่อนและเจอกันทุกอาทิตย์ ได้ไปแฮงก์เอาต์กัน กลายเป็นค่อยๆ ห่างกันไป ต่างคนต่างมีหน้าที่ มีครอบครัว
ถ้าสิ่งที่อยากจะบอกอ๋อมก็คือขอโทษที่ไม่ได้ไปหา ไม่ได้โทร.ไปหาบ่อยๆ เท่าที่ควร ก็รู้สึกว่าอ๋อมเป็นคนที่จะชอบถามอยู่เสมอว่ารักเขาไหม เราก็ไม่ได้เอะใจว่าอ๋อมเป็นคนอย่างนี้นะ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยโทร.หาคนอื่นก่อนหรอก เขาชอบให้คนอื่นโทร.หาก่อน เราเองก็คิดเผื่อเขาว่าเวลาเขาป่วยก็คงไม่อยากให้ใครมากวนเขาเยอะ แล้วเขาก็คงไม่อยากมานั่งอธิบายให้ใครฟังหลายๆ ครั้ง เราก็เลยไม่ได้ไปเจาะลึกอะไร หรือโทร.ไปถามสารทุกข์สุกดิบเท่าที่ควร ก็ได้แต่ฝากเพื่อนไป คนที่เขาได้คุยกันบ่อยๆ ว่าฝากบอกด้วยนะว่าคิดถึง เป็นห่วง แต่ไม่อยากรบกวนจริงๆ และถ้ามีอะไรให้เราช่วยเหลือก็บอกได้เลย ก็เสียใจแค่ตรงนี้แต่ก็รู้สึกว่าเพื่อนเราก็คงสู้เต็มที่แล้ว และอ๋อมเป็นคนดี กตัญญูกับครอบครัว ผมเห็นตั้งแต่สมัยเข้าวงการ เขาเป็นคนประหยัดและให้กับคนรอบข้าง กับน้องสาวกับพ่อกับแม่เขา เขาดูแลครอบครัวเขาดีมาก ก็เชื่อว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็เสียดายที่โรคร้ายมันมาพรากชีวิตเขาไปเร็วเกินกว่าที่มันจะเป็นมาก
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ คือคุยกันเยอะๆ เวลารักใคร เวลาเป็นห่วงใคร ให้เขารู้ด้วยเราเป็นห่วง อันนี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมเสียดายมากๆ ที่เราพูดน้อยไป ทำน้อยไปจริงๆ และเราก็คิดไปเองว่าเพื่อนคงเข้าใจว่าเรามีครอบครัว แต่เราไม่รู้หรอกว่าคนที่เขาป่วยก็คงต้อง การกำลังใจ บางทีเราอาจจะไม่ต้องโทร.ไปถาม แค่โทร.ไปให้กำลังใจก็พอแล้ว แต่ก็คิดว่าเขาคงไม่ไหวแล้วจริงๆ จากที่ได้คุยกับคุณแม่ ก็ยังช็อกอยู่ ยังไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ว่าเพื่อนเราไปแล้วจริงๆ
เมื่อก่อนผมไปเจออ๋อมบ่อยมาก แทบทุกอาทิตย์เลย อ๋อมเป็นคนสอนผมเล่นเวคบอร์ด แล้วเวลาผมไปเล่นก็จะขับรถไปจอดบ้านเขา แล้วก็นั่งรถเขาไปด้วยกัน ก็เป็นความทรงจำดีๆ เจอคุณแม่ครั้งนี้คุณแม่ก็ยังจำผมได้จากที่ไม่ได้เจอกันหลายปีมาก ผมก็ดีใจที่แม่และน้องอุ๋มจำผมได้ อุ๋มก็บอกว่าเมื่อก่อนพี่ณัฐฎ์มาบ่อยมากเลย หลังๆ ไม่ค่อยเจอเลย ก็เสียใจที่เราไม่ค่อยได้ไปเจอเขา แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไร มันเป็นความสูญเสียที่เร็วเกินกว่าที่พวกเราจะรับได้ คือผมโต กว่าอ๋อม 2 ปี แต่ด้วยความที่เราเข้าวงการมาด้วยกัน ผมก็บอกว่าอ๋อมไม่ต้องเรียกพี่หรอก เราเป็นเพื่อนกัน และทุกครั้งที่เขาเจอผม เขาก็จะบอกว่า เฮ้ยภูมิ กูขอโทษนะที่ไม่ได้เรียกมึงว่าพี่ แต่รู้ใช่ไหมว่ากูรักและเคารพมึง ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร เรารู้ เราสัมผัสได้ เรานักแสดงด้วยกัน ทำงานกับอารมณ์ เรารู้อยู่แล้วว่าใครจริงใครไม่จริง มันอ่านออก และผมก็รู้ว่าอ๋อมเป็นเพื่อนที่จริงใจที่สุด เขาขอโทษทุกครั้งจริงๆ นะ เวลาเขาอยู่กับเพื่อนๆ ก็จะชอบถามว่ารักเขาไหม ทุกคนให้สัมภาษณ์แบบนี้หมด และมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ ผมไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วเขาคิดว่าทุกคนไม่รักเขาหรือเปล่า แต่พอเขาได้จากไปแล้ว อย่างนึงที่ผมอยากจะบอกเขาเลยว่าเห็นไหมว่าคนรักเขามากแค่ไหน มันไม่ใช่แค่คนในวงการ แต่มันคือแฟนคลับและคนที่เคยร่วมงานกับเขา และหลายๆ อย่างที่เขาทำ เขาปิดทองหลังพระนะ เขาไม่ได้เอาหน้าเลยในการช่วยเหลือสังคม หรือบางทีเขาไม่ได้ออกหน้าเลย แต่ทำไมมันเพิ่งโผล่มาให้เรารู้ในเวลาที่เขาเสียไปแล้ว เราก็รู้สึกว่าคนนี้เป็นคนดีคนนึงเลยที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ เขาทำบุญปิดทองหลังพระมาตลอด รู้สึกว่ามันไม่แฟร์เลยที่เขาต้องจากไปเร็วขนาดนี้”