“มิ้น มิณฑิตา” เมินโดนเมาท์คบ “ซิลวี่” เพราะผิดหวังจากผู้ชาย!!
ออกมาเปิดใจสำหรับสาว “มิ้น มิณฑิตา” นักแสดงสาวสายฮาที่วันนี้ขอเปิดเส้นทางความรักกับนักร้องสาวเสียงดี “ซิลวี่ ภาวิดา” ที่คบหากันมายาวนานกว่า 4 ปี ท่ามกลางเสียงเมาท์ว่าผิดหวังจากผู้ชายจนต้องมาคบกับผู้หญิง เตรียมแต่งงานหลังมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ? ในรายการคุยแซ่บShow
เรื่องความรักคบกันมากี่ปีแล้ว ?
มิ้น : คบกันมา 4 ปีแล้ว
จุดเริ่มต้นเริ่มคืออะไรกับความรักครั้งนี้ ?
มิ้น : มันก็เป็นพรหมลิขิต เราเป็นคนบ้าคลั่งกับพรหมลิขิต ถ้าเกิดเจอแล้วใช่ไปต่อได้แล้วจะไปต่อเลย แต่ถ้าเกิดต้องพยายามในแง่จีบอยู่นั่น มันจะทำลายบรรยากาศอะไรซักอย่าง ตอน IG เราแค่รู้สึกว่าเขาน่ารักแบบไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ฟีลรู้ว่าน้องเป็นใคร เป็นศิลปินนะ แต่ว่าไม่เคยคิดในเชิงว่าจะเป็นแฟน แค่ว่าน้องเท่ห์ดี ตามใน IG กดไลค์บ้าง แอบหยอดบ้าง คอมเม้นท์แซวน่ารักจังเลย ขออ้อนหน่อยได้มั้ย ก็พูดเล่นไปเรื่อย ยังไม่ได้คิดอะไรเลย
คือไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันมีพื้นที่ที่มิ้นรู้สึกว่ามิ้นไม่ได้เชื่อว่าเราเกิดมาเพื่อคู่กับคนที่สังคมบอกให้คู่ เธอเป็นดาราในมุมของสังคมที่เราจะได้ยินบ่อยๆก็คือก็ต้องคบกับไฮโซผู้ชายมีชาติตระกูลเลี้ยงดูเรามันจะมีความคิดเดิมๆที่เราต้องทำ อย่างตัวมิ้นเองเป็นแค่คนโรแมนติกมั้ง รู้สึกว่าอยากเจอคนที่ใจเรากับเขาเข้ากันได้พาให้จิตวิญญาณเราโตได้ทั้งคู่แบบนี้มากกว่า คิดมาตลอดว่าเราชอบคนที่ไม่ใช่เพศตรงข้ามได้ บางทีก็เคยมีตกหลุมรักพี่เกย์ท่านหนึ่ง มันมีตอนสาวๆ เราก็รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชายตาเลย
เราขอเขาเป็นแฟนจริงๆ มันก็เกิดจากความไม่ได้ตั้งใจซะทีเดียว เพราะว่าเรายังไม่รู้อีโหน่อีเหน่เหมือนยังเป็นเด็กเพิ่งมีความรักครั้งแรก คือเราก็ไม่รู้ว่าหญิงหญิงเขารักกันใครต้องเป็นคนขอเป็นแฟน เราก็ไม่เป็น ปกติเป็นผู้หญิงก็จะมีผู้ชายขอเป็นแฟน แต่พอคุยๆกันไปเราก็ชัดเจนว่าเราตั้งใจคบนะ มันก็มีบทสนมนาขึ้นมาแหละมันมาจากการที่เขาไม่มั่นใจว่าเราชอบเขาจริงมั้ย เราก็รู้สึกว่าเราแสดงออกไปเยอะแล้วนะว่าเราชอบ
ส่วนที่มีคนเมาส์มาคบกับซิลวี่เพราะอกหักความรักจากผู้ชาย? เขาคงไม่เข้าใจสถานการณ์ของเราด้วย ถึงแม้มันจะมีการเปิดกว้างมากขึ้นในสังคมไทยแล้วกับการรับรู้ในเรื่องของ LGBTQ แต่มิ้นคิดว่ามันก็ยังเป็นความเชื่อเดิมอยู่ดีว่าผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชายซิ แล้วถ้าผู้หญิงเลือกที่จะไปคู่กับผู้หญิงเองมันก็อาจจะมาจากการที่ที่ไม่มีทางเลือกดั้งเดิมนั้น แต่ว่าจริงๆมันไม่เกี่ยวหรอก สำหรับมิ้นรู้สึกว่า ถ้าจะหาผู้ชายซักคนมันก็คงไม่ยาก ถ้าเอาเรื่องจริงคือมิ้นโสดมาเป็นปีได้มั้ง แล้วในช่วงเวลาเป็นปีมันก็มีคนที่เข้ามา แต่มิ้นว่าสำคัญมากกว่าหยิบใครซักคนนึงมาก็ได้ก็คือคนที่เรารู้สึกว่าเรามีพื้นที่ที่เราเกิดความเชื่อในความรักนี้ ถ้าเกิดคนนี้ทุกคึนบอกว่าใช่แต่เราไม่รู้สึกแล้วเราจะฝืนไปทำไม ชีวิตมันสั้นนะแต่มันยาว ถ้าเลือกคนที่สังคมบอกว่าใช่แต่ใจเราไม่ชอบ แล้วมันได้อะไร ถ้าจะมองในมุมว่าไม่เจอผู้ชายที่ใช่ ก็อาจจะใช่ แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะบอกว่าเพราะว่าไม่มีผู้ชายให้เลือก เลยเลือกผู้หญิง มันไม่เกี่ยว วันนี้มันเปิดกว้างกว่านั้น เราเจออีกจิตวิญญาณนึงที่เรารู้สึกเราไปต่อกันได้