“กุ้งพลอย” เผยฟางเส้นสุดท้ายตัดสินใจฟ้อง “ศรราม” ถามกลับใครติดคอนเทนต์มากกว่ากัน
ออกมาเปิดใจ สำหรับ “กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์” อดีตภรรยาพระเอกชื่อดัง “หนุ่ม ศรราม” ที่ตัดสินใจต้องพึ่งกฎหมาย ฟ้องอดีตสามี ล่าสุดเจ้าตัวก็เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า
จริงๆ แล้วมันค่อนข้างพูดยาก ไม่กล้าก้าวล่วงการพิจารณาของศาล ขอให้เป็นขบวนการศาลพิจารณาไปในขั้นต้น อะไรตอบได้ก็จะตอบ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะตอบให้ทุกคนฟ้งชัดๆ ไปเลย ส่วนเรื่องฟ้อง เรื่องนี้ยังไม่ขอพูดได้ไหม ขอจริงๆ กุ้งพลอยเคารพต่อศาลมาก วันที่พึ่งพาศาล ต้องเป็นวันที่ไม่รู้จะพึ่งพาใครแล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่อดทน ไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่ยอม เราทั้งยอมและอดทน ไม่ได้แข็งข้อนะคะแต่ว่าแข็งแรงขึ้น
คือเป็นปัญหาสะสม เราชอบอะไรที่ชัดเจน มันทำตามที่บอกได้เราโอเค แต่ถ้ามันไม่ชัดเจน สิ่งที่พูดไว้แล้วทำไม่ได้ แล้วมันไม่จริง ใช้วาทกรรมในการอำพรางก็เลิกทำเถอะนะ ถามว่าอะไรคือฟางเส้นสุดท้ายที่เราตัดสินใจพึ่งกฎหมาย คือฟางเส้นสุดท้ายมีมาสักระยะนึงแล้ว แต่ก็ยอมที่จะอดทน พยายามเข้าใจ ทุกคนก็รู้ว่าเรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกับลูก ไม่อยากจะมาฟาดฟันเหมือนแต่ก่อน 1-3 ปีที่แล้ว ฟางเส้นสุดท้ายน่าจะเป็นเรื่องของการติดต่อสื่อสารที่โดนบล็อก ไม่รับสายหลายๆ รอบ ในการอ้าง 6 ข้อหลังใบหย่าที่เรายังไม่รู้กฎหมายและไม่คิดอยากจะรู้กฎหมาย เพราะเชื่อใจและเคารพการตัดสินใจตอนนั้นไปโดยที่เรายังไม่รู้กฎหมายมากนัก เราเคารพการตัดสินใจ คนคนหนึ่งเพราะเราไม่อยากให้เขาเครียด ไม่อยากให้เขาทุกข์ เราก็เลยยอมทุกอย่างตามที่เขาบอก แต่พอวันนึงที่เรารู้กฎหมายแล้ว สิ่งที่เราได้รับ 6 ข้อที่มีอยู่หลังใบหย่ามันกว้างเกินไป การที่จะห้ามในทุกๆ อย่างที่เราขอไป สิ่งที่เราขอมันเป็นสิ่งดีๆที่วีจิจะได้รับทั้งนั้น แต่เราไม่เคยได้ เช่น การพบเจอลูก พบเจอที่ศิริไทมา 4 ปีกว่าแล้ว เราขอก็ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนสถานที่ ลูกป่วยก็ไม่ใส่ใจที่จะแจ้งเรา การบล็อกวิดีโอคอลก็ทำ นึกอยากจะบล็อกก็บล็อก ไม่มีเหตุผลที่จะแจ้งบอก เมื่อก่อนก็อาจจะอารมณ์ปรี๊ดง่าย เดี๋ยวนี่นิ่งขึ้นเพราะมันชินแล้ว ถ้านับวันนั้นจนถึงวันนี้ก็จะ 8 เดือนแล้วที่ไม่ได้เจอลูก วิดีโอคอลก็หลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังโทรเรื่อยๆ เขาก็ไม่รับ
ทุกวันนี้สังคมก็ถาม ทุกๆ คนก็ถามว่าเหตุผลคืออะไร ตัวเราเองก็อยากรู้เหมือนกัน มันก็เป็นสิ่งที่ดีในการยอมมา 4 ปีที่ผ่านมา เราก็เริ่มจะได้รู้เหตุผลแล้วจากที่เขาให้สัมภาษณ์ล่าสุดก็น่าจะเป็นคำตอบชัดเจนแล้ว ที่เขาบอกเราเอาแต่ทำคอนเทนต์ ไม่ได้สนใจความรู้สึกลูกเลย คือคอนเทนต์มีคนถามเยอะมาก จะบอกว่าวาทกรรมอำพรางมันเกิดขึ้นได้ทุกกรณีในการเบี่ยงประเด็น ในหลักของข้อความจริงรึเปล่า กุ้งพลอยไม่ได้ทำคอนเทนต์ ที่เขาบอกสระว่ายน้ำที่น้องไปเรียนพิเศษ ที่โรงเรียน ขอถามว่ามีรูปออกมาไหมคะ ถ้ามีรูปออกมาว่าไปทำคอนเทนต์ค่อยมาว่ากัน แต่มันไม่มีไงคะ สังคมก็ถามเรา ไม่อย่างนั้นเราไม่ชี้ประเด็นเป็นรูป สังคมก็จะเคืองใจเราไปอย่างนี้ตลอด เราเข้าใจน้ำหนักชื่อเสียงของเรามันป่นปี้ยับเยินไปหมดแล้ว พอจะมีพูด มาอธิบายคนไม่เชื่อหรอก เขาต้องเชื่อคนที่มีน้ำหนักมากกว่า ถ้าพี่หนุ่มมีรูปที่สระว่ายน้ำ พี่หนุ่มก็เอามาให้นักสืบดูด้วยสิคะ ถ้าโรงเรียนมีรูปพี่หนุ่มก็ควรจะเอาหลักฐานเวลาที่สัมภาษณ์นักข่าวสำนักไหนสำนักหนึ่ง พี่หนุ่มก็เอาหลักฐานมาให้เขาดูด้วยสิ งั้นพี่หนุ่มก็ควรจะทำเช่นนั้นด้วยเหมือนกันค่ะ ใครกันแน่ที่ทำคอนเทนต์ลูกมากที่สุด เป็นตัวเองรึเปล่า