“พิง ลำพระเพลิง” เจอวิกฤติละคร พ้อ! ไม่มีงานเขียนบท รับขอเงินนายทุนสร้างหนัง
ต้องบอกเลยว่าวิกฤตละครทำกระทบสั่นสะเทือนทุกภาคส่วน แม้แต่ผู้กำกับและผู้เขียนบทละครมือฉมังอย่าง “พิง ลำพระเพลิง” ยังได้รับผลกระทบ ล่าสุดมีโอกาสเจอผู้กำกับฝีมือดีเลยถามถึงเรื่องนี้
อ่านข่าวต่อ : "พิง ลำพระเพลิง" ปรับตัวตามยุค หลังอาชีพเขียนบทได้รับผลกระทบหนัก ...
“ช่วงนี้วงการละครโทรทัศน์ไม่มีงานเขียนบทมาให้ผมเขียนเลย เลยรู้สึกว่าอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว รู้สึกว่าถ้าโทรศัพท์เราไม่ดัง เราก็ต้องโทร.ออกแล้วแหละ ผมก็เลยยกหูชวนทุกคนที่ผมพอจะรู้จักว่าเขามีสตางค์ ก็ชวนมาร่วมลงทุนทำภาพยนตร์
ผมเลือกที่จะโทร.หาคนจำนวนเยอะ โดยเอาเงินจำนวนน้อยๆ จากแต่ละคนมารวมกันก็กลายเป็นจำนวนที่เยอะ มันทำให้เรามีเงินมาทำหนังได้โดยที่ไม่ต้องผ่านระบบที่เคยทำมา แต่มันก็มีข้อให้เรียนรู้นะ การที่ผมต้องทำหนังยันเอาเข้าโรงฉายเลย มันก็เป็นการเรียนรู้ใหม่ๆ มันเป็นวิธีการทำภาพยนตร์แบบใหม่สำหรับผม ผมเชื่อว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่คิดว่าถ้าวงการทีวีมันไม่มีอะไรให้ทำในช่วงนี้ ก็ลองหาวิธีสร้างภาพยนตร์ดูกัน
ตัวผมเองก็ไม่คิดเลยว่าผมจะต้องมาใช้วิธีนี้ พออยู่ๆ เทคโน โลยีมันเปลี่ยนไป ได้เรียนรู้ ได้ทำงานในแบบที่เราไม่เคยทำ ก็หวังแค่ว่านายทุนเขาจะไม่ขาดทุน แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว จะได้มีเรื่องต่อๆ ไปทำอีก โลกเปลี่ยนต้องปรับตัวและขยันขึ้น ตนโชคดีที่ผมมีพรสวรรค์ในการหน้าด้าน ไม่อายที่จะโทร.ไปถามว่าสนใจไหมผมมีโปรเจ็คทนี้นะ และแน่นอนว่าผมก็ได้รับรอยยิ้มและคำปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกัน อย่าท้อ อย่ารู้สึกอายที่ไปขอเงินเขามาทำแล้วเขาไม่เอาด้วย อย่าเพิ่งท้อกัน ผมเดินหาเงินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเงินมาทำ
ดีใจที่หลานม่า ได้เข้าถึง 15 เรื่องสุดท้ายในการเข้าชิงออสการ์ มันไม่ธรรมดานะ โลกเราปีๆ นึงมีหนังเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง แล้วเขาเลือกหนังของเราเข้าไปเป็น 1 ใน 15 ผมว่าเราควรจะช่วยกันประโคมข่าว ถึงแม้ว่ายังไม่รู้จะเข้ารอบ 5 เรื่องไหม จะชนะไหม ผมว่ามันไม่จำเป็นแล้ว เราชนะตั้งแต่เขาหันมามองประเทศเราว่าเป็นหนึ่งในคนทำหนัง 15 เรื่องแล้ว สามามารถเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้ในอนาคต หลานม่าเข้าชิงนี่ช่วยปลุกไฟในตัวผมมากๆ เป็นหมุดหมายที่ดีมากๆ ที่หนังไทยเราเริ่มมาแล้ว ถึงแม้ว่าหนังของผมจะไม่มีโอกาสได้ไปไกลเท่านั้น แต่ผมยินดีด้วยมากๆ ผมอยากให้คนไทยรู้สึกชื่นชมหนังไทยด้วยกันเองเถอะ”