“เอกพันธ์-บิณฑ์” เล่านาทีเจอร่าง “แตงโม” คนแรก บอกมีจุดเอ๊ะ เชื่อหน้าถูกตีด้วยของแข็ง แผลถูกของมีคมไม่ใช่ใบพัด
ออกมาเปิดใจสำหรับสองพี่น้องอย่าง “เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” และ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” หลังเจอศพ “แตงโม นิดา” เป็นคนแรก ล่าสุดทั้งคู่ที่เดินทางมาร่วมงานเสวนาวิชาการ “ไทยทันเทรนด์ 2568 จับกระแสสตรีมมิ่งกับความสำเร็จอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงโลก” ก็ได้เปิดใจหลังคดีเตรียมรื้อขึ้นมาใหม่ว่า
บิณฑ์ : การจำลองเหตุการณ์ที่ผ่านมาผมว่าดีนะ ประเทศไทยต้องมีความยุติธรรม ไม่งั้นจะมีคำว่ากระทรวงยุติธรรมไว้ทำไม ผมว่าการรื้อคดีของแตงโม ผมเห็นด้วยนะ ผมว่าคนไทย 80% เห็นด้วย จะต้องทำสิ่งนี้ให้มันถูกต้อง กู้ศักดิ์ศรีของกฎหมายไทยกลับคืนมา ใครผิดว่าไปตามผิด ทุกวันนี้มันไม่ถูกต้อง ใครมีเงินใครมีอำนาจก็ตัดไป แต่คนจนๆคนที่ไม่มีอะไรเอาเขาติดคุก ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คุณเอกพันธ์ เขาอยู่ในเหตุการณ์ตลอด เขาส่งภาพให้ดู มันไม่ใช่อุบัติเหตุ มันต้องมีอะไรสักอย่าง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็บอกว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ
ไทด์ : ไม่ใช่ดราม่า ผมหมายถึงเสริมเติมแต่งอะไรหรือเปล่า สิ่งที่คุณพูดระวังนะ เพราะไอคำพูดต่างๆ โดยที่คุณอาจจะพูดด้วยความคะนอง มันอาจเป็นฟีดแบกกลับมา ทำให้ผมติดคุก (บิณฑ์ : ทนายขู่) หรือว่าทนายที่รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องจริง เขาไปฟ้อง บอกว่าจะเอาติดคุกเลย ดาราที่ทำมูลนิธิ คือสิ่งที่ผมเห็นผมก็พูดไป มันไม่ใช่ความผิด เราไม่ได้ไปเติมแต่งอะไรบาดแผลเลย
ไทด์ : วันนั้นถ้าเกิดผมไม่พูด เรื่องสืบพยานจบ นักข่าวมาถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง ที่ผมเอะใจบาดแผลมันไม่น่าใช่ใบพัดเรือ แต่คนบนเรือเขาออกข่าวไปก่อนหน้านั้นแล้วว่าแตงโมตกน้ำแล้วโดนใบพัดเรือเสียชีวิต แต่ทีนี้ผมเห็นบาดแผลมันไม่ใช่ใบพัดเรือแน่นอน ผมเลยบอกนักข่าวไปว่าสิ่งที่ผมเห็นแผลยาวประมาณ 1 คืบ มันลึกมาก แล้วมีเนื้อออกมาเยอะแยะ ตรงโคนขาด้านในข้างขาขวา ทุกคนก็เหมือนว่าเล่นประเด็นนี้ขึ้นมา มันก็เลยทำให้เรื่องนี้ไม่จบ เลยต้องมีการพิสูจน์กันเยอะแยะมากมาย ก.พ. นี้ ก็ 3 ปีเต็ม
ไทด์ : ถามว่าทำไมไม่ได้พิสูจน์ทันที คือมันมีกระบวนการ ซึ่งกฎสำนวนเกี่ยวกับคดีนี้เอาไว้ ไม่ให้ขยายต่อ ไม่ให้เรื่องราวที่เข้ามาในสำนวนแล้ว เรื่องจริงไม่สามารถที่จะไปต่อได้ ทุกคนบนเรือต้องผิดหมด เพื่อทำให้คนอื่นเสียแก่ชีวิต โดยที่ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือเป็นฆาตกรรม คนใดคนหนึ่งที่ทำแต่ไม่มีใครกล้าพูดความจริง แต่ละคนพูดไม่เหมือนกันเลย แม้กระทั่งคนที่อยู่ใกล้แตงโมที่สุดก็พูดอีกอย่างนึง แม้กระทั่งคนที่อยู่หัวเรือก็พูดอีกอย่างนึง แต่ทำไมสำนวนตามที่เขาจะเขียนคนบนเรือถูกแล้วก็มีอิสรภาพ แล้วก็ตัดสินไปแล้วด้วย วันแรกที่เห็นสภาพศพน้อง น้องคว่ำหน้า มืออยู่ข้างหลัง แต่มือไม่มีเครื่องนันทนาการต่างๆ แต่มือน้องอยู่ที่หลัง คนจมน้ำก็ลอยไปตามกระแสน้ำ ผมเห็นแต่ผม ตอนนั้นยังไม่เห็นหน้า เห็นแต่หลัง เห็นสะโพกนิดหน่อย เพราะน้องเขาใส่บอดี้สูท แต่ไม่ได้มือไขว้หลังแบบโดนมัด หรืออาจจะโดนมัดแล้วเอามาปล่อย มาแก้แล้วปล่อยลงน้ำหรือเปล่าผมไม่รู้ ผมไม่เห็น
ไทด์ : น้องไปฉี่ท้ายเรือแล้วตกน้ำตอนแรกคิดว่าอย่างนั้น แต่มันเอ๊ะนิดนึงถ้าอืดขึ้นมาตามธรรมชาติคนเราจมน้ำลงไปทุรนทุราย 1-2 วัน วันที่ 3 ต้องอืดขึ้นมาแน่นอน แต่สภาพของน้องมันไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ ที่คนธรรมดาตกน้ำตาย ตาจะต้องถลน ลิ้นต้องออกมา ตาหรือจมูกอาจจะต้องมีคราบเลือด แต่หน้าน้องไม่เป็นแบบนั้น ท้องก็แบน หน้าฝั่งนึงทางด้านขวาบวมช้ำ ตาปูด อีกข้างนึงไม่มีอะไร แต่ตาเปิดเห็นตาขวากับตาดำเต็มลูกกะตา ฝั่งนึงต้องโดนของแข็งตีแน่นอน ถ้าโดนใบพัดเรือทำไมผิวพรรณไม่เละเลย แต่น่าจะโดนของแข็ง ไม่ทราบว่าโดนอะไร แต่ตาปูด จริงๆแล้วตาจะต้องถลน 2 ข้าง
บิณฑ์ : เขาก็ไปทำแผนประกอบมาหมดแล้ว เพราะตกเรือ ตกปุ๊บเรือมันก็แล่นไปนำหน้าเรือ เพราะฉะนั้นคงจะต้องห่างจากเรือ มันจะไปโดนใบพัดเรือยังไง
ไทด์ : คือมีข้อความว่าปอเขาเห็นแตงโมเกาะอยู่ท้ายเรือ 10 วิ คือ 10 วิยังไงก็แล้วแต่ คุณเกาะอยู่ 10 วิ คุณเอาขาแหย่ไปที่ใบพัด ใบพัดมันมี 3 ตัวหมุนไปตามกัน ถ้าเอาขาแหย่เข้าไป ขาที่โดนเข้าไปมันต้องปุ๊บๆ (ทำท่ามือหมุน) มันต้องเปิดเห็นกระดูก หรือเห็นเนื้อ แต่มันไม่ใช่แผลแบบนั้น มันกรีดลงมาตรงๆเลย เหมือนกับว่า ผมเดาเอานะครับว่า เขาน่าจะมีการคิดว่า ถ้าเกิดแตงโมตกน้ำ โดนใบพัดเรือแต่เขาลืมฉุกคิดไปว่าใบพัดเรือมันหมุน มันไม่ได้เป็นกรีดแบบนี้ เขาก็เลยไม่รู้จะทำยังไง เอามีดมา (ทำท่ากรีด) ให้สมกับที่เขาพูด โดนใบพัดเรือ แต่เขาไม่ได้มีความฉลาดใบพัดเรือมันโดนแบบนี้ คงจะรีบเนาะ เอาตรงไหนดี เอาตรงโคนขานี่ แล้วตรงน่องน้องเหมือนโดนแทงเข้าไปลึก แล้วมีมันจุกออกมา
ไทด์ : คือทุกคนก็รู้หมด แต่มันมีคนที่ใหญ่กว่านิติเวชบอกว่าให้มันเป็นอย่างนี้
บิณฑ์ : พอแล้ว ขาอีกข้างเข้าคุกแล้ว
ไทด์ : กลัวโดนฟ้องไหม ผมไม่กลัวเลย เหมือนที่คุณอาสนธิบอกความจริงมีเพียง 1 เดียว ตรงนี้ต่างหาก ทำไมทุกคนไม่พูดความจริง ถ้าพูดความจริงทุกอย่างมันก็กระจ่าง จริงๆเคยจะมีเรียกไปเป็นพยาน แต่พอถึงเวลาเขาแคนเซิล เราก็งง แต่ทีนี้ถ้าเกิดเขาเอาเราไป เขากลัวว่าในสำนวนเขาจะเอาเราลงไม่ได้ เพราะเราเห็นแผลคนแรก เขาเป็นใครผมไม่ทราบ ขนาดวันแรกที่จะเอาน้องไปที่โรงพยาบาล ที่ธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อที่จะเอาน้องไปผ่าพิสูจน์ แต่อยู่ๆมีโทรศัพท์ขึ้นมา ยศใหญ่คุณไทด์ครับ ขอให้เอาน้องไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ผมก็เถียงเขานะร้อยเวรให้มามาที่นี่ตามท้องที่แล้วผมจะถึงแล้ว กลับรถตอนนี้เลยครับ เอาน้องมาที่นี่ คุณฟังผมคนเดียวครับ ผมไม่ได้เป็นพยาน แค่เอาน้ำขึ้นจากน้ำ แล้วจบ