“นุ่น วรนุช” หวนเล่นหนังในรอบ 18 ปี เผยประสบการณ์ใหม่ลงรายการที่จีน
กลับมาทวงความหลอนอีกครั้งกับเรื่อง “สุสานคนเป็น” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ถ่ายทอดผ่านรูปแบบภาพยนตร์โดยได้นักแสดงมากฝีมือ “นุ่น วรนุช” รับบท “คุณนายลั่นทม” เป็นการกลับมาทำงานในรอบ 18 ปี งานนี้สาว “นุ่น” ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ พร้อมกับพูดถึงงานที่จีนที่มีโอกาสได้ไปร่วมรายการ
อ่านข่าวต่อ : "นุ่น วรนุช" คัมแบ็คเล่นหนังในรอบ 18 ปี เพราะอยากนอนในโลงศพ ประสบการณ์ใหม่ลงรายการจีน
“ตั้งใจเล่นจริงเกือบทุกฉาก ทั้งฉากนอนในโลงแก้ว ที่ต้องอดทนกับอากาศที่แทบไม่มีให้หายใจ ถือเป็นการทำงานที่ทำให้นักแสดงอย่างเธอรู้สึกประสบความสำเร็จ และยกระดับฝีมือของตัวเองเข้าไปอีกขั้น ส่วนความหวังว่าจะกลายเป็นนักแสดงร้อยล้านคนต่อไปหรือไม่เจ้าตัวเผยว่าไม่กล้าคาดหวังและไม่ได้มีส่วนในเรื่องของตัวเลข แต่ก็อยากให้ทุกๆ คนเข้าไปติดตามรับชมผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้
ส่วนผลงานที่จีนเหนื่อยแล้วก็ยาก มันเป็นรายการ Ride the wind 2025 เหมือนแข่งขันรวมนักแสดง หลากหลายสาขา ก็มาทำโชว์กัน ทำกลุ่มกันแล้วก็มีการโหวตกันให้คะแนนกันจริงๆ ยาก แล้วภาษาจีนด้วย เราก็พูดภาษาจีนไม่ได้ แต่ก็สนุกเราก็พยายามสื่อสาร ก็มีน้องที่เด็กที่สุดเป็นหัวหน้าทีมเราแล้วก็จิตใจดีมาก นุ่นว่าสิ่งสำคัญนอกจากการได้ทำโชว์ ได้เรียนรู้ภาษา คือได้มิตรภาพที่ดีมาก แล้วก็ได้ไปเห็นการทำงานของประเทศจีน เค้าทำงานกันหนักมาก บางวันตารางงานวันถัดไปมาตอนตีสี่ หรือมีบางวันเลิกตีห้าก็มี
เวลาซ้อมเอารวมๆ แล้วก็น่าจะประมาณ 7 วัน บางครั้งก็คิดอยู่ว่าตัวเองไปทำอะไรตรงนั้น แล้วเราจะทำยังไงเพราะว่าการสื่อสาร แต่เค้าก็เตรียมล่ามให้เรา ล่ามก็จะคอยพูดให้เราฟังอยู่ตลอด มันเหมือนต้องสื่อสารหลายด้าน หรือบางครั้งพออยู่ไปฟังภาษาจีนได้บ้างก็จะฟังคำเอาแล้วก็รู้ว่าเค้าพูดว่าอะไร ล่ามก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดมันก็เหมือนรายการที่มีกล้องอยู่ตลอดเวลา ก็แปลกดีก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ในอายุเท่านี้
คือรายการมันเหมือนรายการที่ทุกคนจะต้องมีผลงานมาแล้ว ก็จะมีนักแสดงคนนึงที่เป็นนักแสดงของฮ่องกง ก็เป็นนักแสดงที่อาวุโสที่สุดแล้วก็ดังมากๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังดังมากๆ นุ่นก็ดีใจจังเลยว่านักแสดงต่างชาติพอเวลาดังเค้าก็ยังมีคนชื่นชม คอยติดตาม ได้เห็นการทำงานหลายๆ ด้านของเค้า ก็รู้สึกประทับใจ แล้วก็ได้มองว่าที่อื่นเค้าเป็นยังไง พอไปอยู่ตรงนั้นเรารู้สึกว่าเราต้องทำอะไรต่อ ทุกอย่างจะค่อนข้างนิ่งเหมือนกัน เราเองก็ต้องใช้สติเหมือนกัน เพราะมันเป็นรายการเรียลลิตี้ก็ต้องมีการเล่นเกมจะโชว์เพลงอะไรก็ต้องเล่นเกม ก็เลยไม่รู้สึกว่ามันต้องกังวลอยู่ตลอด คือแค่ว่าเราต้องทำอะไรต่อ
คือตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะไปหรอ จนทุกวันๆ อาจจะเป็นโปรเจ็กต์ที่พอดีกันแล้วเหมือนเรื่องนี้จบพอดี แล้วมันเป็นช่วงจังหวะเวลาที่มันได้ สิ่งที่ได้กลับมามันเป็นโลกใหม่อีกโลกหนึ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ทางด้านของโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับเค้า ก็รู้สึกว่ามันมีทั้งดีแล้วก็ไม่ดีควบคู่กันไป แต่สุดท้ายแล้วเราเสพสื่อต่างๆ ที่คนคอมเมนต์ถึงเรา เราก็ต้องปล่อย
มีแค่โปรเจ็กต์นี้ อย่างอื่นก็ยังไม่มี ติดต่อได้ ถ้ามีงานโกอิน เตอร์เข้ามาก็ยินดีนุ่นรู้สึกว่าจริงๆ วงการบันเทิงไทยมันก็มีอะไรเปลี่ยนมากขึ้น แล้วก็ยังมีโอกาสให้กับนักแสดงไม่ใช่แค่นุ่นแต่ยังมีน้องๆ หลายคน รุ่นพี่หลายคนให้ได้ไปทำงาน คิดว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วตัวนุ่นเองก็รู้สึกว่ายังรักการทำงานอยู่ ยังมีความสุขที่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ก็โอเค ถ้าไม่ยากจนเกินไปนะ
คนว้าวกับความสวยของเราเป็นที่กล้องแต่จริงๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องของโปรดักชั่น ก็ต้องขอบคุณ เพราะทุกที่มีกล้องหมดบางพื้นที่มีถึง 20 ตัว มันก็ค่อนข้างเยอะเค้าก็สามารถเก็บได้ทุกมุม ก็ขอบคุณนะคะที่ทำให้นุ่นได้มีโอกาสได้ไปร่วมรายการดีๆ แบบนี้”
