“ก้านตอง ทุ่งเงิน” โดนดราม่าว่าเด็กเส้น เข้าวงการได้เพราะพี่สาว!
ออกมาเปิดใจสำหรับนักร้องดัง “ก้านตอง ทุ่งเงิน” เจ้าของเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง “จื่อบ่” พาไปเปิดเรื่องราวชีวิตของเธอ ตั้งแต่เส้นทางในการเป็นนักร้องกว่าจะมาถึงวันที่ผลงานเพลงกลายเป็นกระแสโด่งดังทั่วบ้านทั่วเมือง ทำให้มีงานอย่างไม่ขาดสาย จากที่เคยโดนดราม่าว่าเป็นเด็กเส้น เข้าวงการได้เพราะพี่สาว
อ่านข่าวต่อ: แรงไม่หยุด “ก้านตอง ทุ่งเงิน” ส่งซิงเกิ้ลใหม่ “ยังให้หน่อยไปอีกบ้อ”
ก้านตอง : จริง ๆ เป็นนักร้องมานานแล้วค่ะ เป็นมาหลายปีจนรู้สึกว่าเพลงเราไม่ดังสักที พอมาถึงเพลง "จื่อบ่" ก็ดังมาก ก็ทำให้เรามีงานมากขึ้น มีคอนเสิร์ตตลอด ภาษากลางคำว่า จื่อบ่ แปลว่า จำไหม เข็ดไหม
เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งคนจะรู้จักเพลงเราทั่วประเทศขนาดนี้ ?
ก้านตอง : จริง ๆ ก็มีเพลงที่ร้องกัน 3 คน เพลง “ไปถอนคำสาบาน“ ตอนนั้นก็มีคนรู้จักเพลงนะคะ แต่คนอาจจะยังไม่รู้จักตัวเราชัดเจนเท่าไร หลังจากนั้นก็เริ่มมีเพลงออกมาเรื่อย ๆ มียอดวิวประมาณ 20 ล้าน 30 ล้าน แต่มันจะดังเฉพาะในโซนภาคอีสาน คนทั่วประเทศอาจจะยังไม่รู้จักเราดีพอ ชื่อของเราคือ ดอกอ้อ ทุ่งทอง และก้านตอง ทุ่งเงิน ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีใครรู้จักเราแบบเดี่ยว ๆ มากนัก
ดอกอ้อ ทุ่งทอง กับ ก้านตอง ทุ่งเงิน เป็นอะไรกัน ?
ก้านตอง : พี่ดอกอ้อเป็นพี่สาวแท้ ๆ เป็นในนามของศิลปิน คือดอกอ้อ ทุ่งทอง ทุ่งทองคู่กับทุ่งเงิน เป็นชื่อในวงการที่ตั้งขึ้นเพื่อให้เข้าคู่กัน เพราะเงินกับทองต้องคู่กัน ซึ่งครูสลาเป็นคนตั้งให้ค่ะ พอใช้ชื่อนี้ก็ทำให้บางคนสับสนว่าใครคือดอกอ้อ ใครคือก้านตอง แต่พอเริ่มมีเพลงออกมาเรื่อย ๆ คนก็เริ่มจำเสียงได้ว่าเสียงใครเป็นใคร และจนมาถึงเพลง “จื่อบ่” เพลงนี้เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนเลยค่ะ ทำให้เป็นที่รู้จักแบบตูมเดียวทั่วประเทศเลย
มาเป็นนักร้องในแกรมมี่โกลด์ได้ยังไง ?
ก้านตอง : พูดตรง ๆ เลย พี่ดอกอ้อเป็นคนพามาฝากไว้กับทางค่าย ครูที่แกรมมี่โกลด์เขาก็กำลังมองหานักร้องอยู่ แล้วพี่ดอกอ้อก็แนะนำเราไป เพราะครูเคยเห็นเราตอนประกวดมาก่อน แม้ตอนนั้นเราจะไม่ชนะ ครูเขาก็ให้โอกาสลองร้องในเพลง “ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้” ของพี่นาง ศิริพร เป็นเหมือนการแจมในอัลบั้มค่ะ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่แกรมมี่โกลด์ ตอนนั้นเรายังไม่ได้ออกเพลงเต็ม ๆ เลยนะ คือเขาจะให้ลองร้องก่อน เหมือนฝึกก่อน
เคยเจอดราม่าว่าเราเป็น “เด็กเส้น” บ้างไหม ?
ก้านตอง : เจอค่ะ เข้ามาได้เพราะพี่สาว แต่จริง ๆ เด็กฝากมีความกดดันในตัวเองอยู่แล้วว่าคนจะมองยังไง จะคิดว่าเราเข้ามาเพราะมีเส้นสาย ไม่ใช่เพราะความสามารถของเราเราต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเราไม่ได้เข้ามาเพราะเส้นสาย เรามีความสามารถจริง ๆ ต้องทำให้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูด มันไม่ใช่ความจริง บางครั้งเราก็รู้สึกอิจฉาคนที่เข้ามาได้ด้วยตัวเอง แต่เราก็พยายามคิดว่าเราโชคดีแล้วที่มีพี่พาเข้ามา แต่สิ่งที่ไม่โชคดีคือเราต้องเจอกับการเปรียบเทียบตลอดเวลา สุดท้ายเราต้องถามตัวเองว่าทำไมเราต้องกดดันกับสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดเรา ถ้าเราไม่พัฒนาตัวเอง ถ้าไม่ขยันจริง เราก็ไม่มีทางอยู่ได้ถึงวันนี้