“น้ำตาล พิจักขณา” ทึ่งสกิลคอแข็งตัวเอง อยากดวล “เอมี่” มั่นใจชนะ จับมือ “พี่ไผ่” เข้าร้านนวด
ถูกยกให้เป็นสาวเหนือคอแข็ง “น้ำตาล พิจักขณา” โดยเจ้าตัวถึงกับอึ้งสกิลด้านนี้ของตัวเองสุดๆ รวมถึงสกิลการเปิดขวดที่สามารถเปิดได้โดยไม่ต้องใช้ที่เปิดขวด เปิดได้เป็นลัง แซวขำๆ หากมีโอกาสอยากดวลกับ “เอมี่ กลิ่นประทุม” สักครั้ง อีกทั้งเวลาว่างยังชวนกันไปนวดจนรู้ถึงระดับความนวด งานนี้สาว “น้ำตาล” เผยว่า...
อ่านข่าวต่อ : น้ำตาล” ฟิตหนักซ้อมมวยลง “นับ 8” อายุเพิ่มขึ้นจูงมือ “ไผ่” เข้าร้านนวด พร้อมเล่าตำนานเปิดขวดเป็นลัง!
“ไปหาหมอนวด ล่าสุดเพิ่งคุยกันว่าเรานวดบ่อยเนอะ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเขาจับมือกันวิ่งเราจับมือกันไปนวดไปกายภาพ แล้วหมอของเราไม่ได้เป็นหมอธรรมดานะต้องเหยียบ พี่ไผ่เส้นนางลึกจนหมอบอกว่าคุณไผ่ไปทำอะไรมา ถามว่าเปิดร้านนวดเลยมั้ย หนูทำได้ หนูรู้เลยว่าหมอคนนี้อันนี้คือหยิกไม่ใช่นวด ถ้าเราหลับมันจะไม่ได้ไงเราจะไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดี แต่นี่คือเรารับรู้ทุกการนวด เราทนได้ คือเรามีความรู้สึกว่าตรงนี้มันต้องขยี้ คือหมอธรรมดาจะนวดไม่ได้แล้วตอนนี้ต้องเป็นหมอจับเส้น ครั้งแรกในชีวิตคนที่พาไปนวดก็คือตาไผ่เหมือนกัน มันเหมือนเราติดความสบายนิดนึงแล้วก็ไปนวดกัน
ตำนานสาวเหนือคอแข็งนี่แม่โทรวีนนิดนึงไม่อยากให้ลูกดูเป็นขี้เหล้าแต่ความจริงก็คือความจริง แต่ว่าตาลแอบตกใจนิดนึงด้วยความที่แถวบ้านเราทุกคนก็จะมีสกิลนี้ติดตัวมานิดนึงแล้วพ่อทุกคนว้าวเราก็มีความรู้สึกว่าหรอขนาดนั้นเลยหรอ รู้งี้เขียนไว้ในความสามารถพิเศษคือการเปิดขวด เปิดได้สูงสุด 10 ขวดต่อคืนมันก็รู้สึกเจ็บแล้ว พี่ไผ่เห็นจากที่บ้านแล้ว คือพี่ไผ่ไปที่บ้านตาลที่แพร่เนาะคือจะกลับบ้านทุกเทศกาล ตาลจะล็อกคิวไว้เลยเพราะว่าขาเรารอเยอะ เรามีวงหลายวงที่รอเราอยู่ เราก็เลยบอกผู้จัดการว่าเราคงไม่สามารถรับงานช่วงเทศกาลได้จริงๆ เพราะว่าไม่อยากทำให้ทุกคนผิดหวัง ไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่ายายนี่ดังแล้วเปลี่ยนไป แล้วเราก็พาผู้ชายไปด้วยผู้ชายเราก็ค่อนข้างที่จะว้าวซ่าในแบบว่าสกิลแม่หญิงบ้านเฮา เขาสอบผ่านแล้ว ภาพตัดน่าจะเป็นตอนเด็กๆ หรือเปล่าแต่โตมาไม่ไปถึงจุดนั้น
อยากดวลกับพี่เอมี่ กลิ่นประทุม น่าจะสนุก แล้วตาลชอบดูคู่เขาเวลาอยู่ด้วยกันแล้วเวลาเขาสัมภาษณ์ก็เลยรู้สึกว่าพี่เขาสุดมากๆ ก็ถ้าได้กินกับเขาก็น่าจะดี น่าจะลื่นแต่เราก็ไม่ยอมแพ้เราจริงจัง อีกวันค่อยว่ากันอีกที ถ้าเป็นการนัดก็คงต้องหาอีกวันที่ว่างเดี๋ยวนี้มันต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ นะ คือร่างกายมันไม่สามารถที่จะแบบว่าคือหนักๆ แล้วอีกวันหนึ่งไปทำงานได้ไม่มีคือเราจะดื่มในวันที่เราไม่ได้ทำงานอีกวันหนึ่งว่างเท่านั้น ร่างกายต้องการใช้เวลาในการฟื้นฟู”