“ท็อป – ก้อง –ปู” น้ำตาคลอ ภูมิใจที่เกิดบนแผ่นดินไทย ตอบแทนขอเป็นคนดี
ดารา นักแสดง "ก้อง ปิยะ , ท็อป ดารณีนุช " และ "ปู ปริศนา" และเหล่าเพื่อนๆ รวมตัวกันไปร่วมรับเสด็จพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่สนามหลวงด้วย ซึ่งทั้งสามคนก็เปิดใจทั้งน้ำตา บอกว่าเสียใจมากๆ กับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะเกิดมาก็เห็นพระองค์ท่านมาตลอด
อ่านข่าวต่อ : “อาร์ต - เล็ก - นก – ก้อง” คนบันเทิงทำดีด้วยหัวใจ

ก้อง : “วันนี้เป็นวันที่กลุ่มเราตั้งใจกันมา พอทราบข่าวเศร้าของแผ่นดินก็ตั้งใจจะมาส่งเสด็จ ตั้งแต่ดูถ่ายทอดสดรถพระราชพิธียังมาไม่ถึง ก็ใจหายมากๆ รู้สึกใจเจ็บ พวกเราเกิดในรัชสมัยของพระองค์ท่าน ตั้งแต่เกิดมาเราก็เจอพระองค์ท่านตั้งแต่แรกเกิด จนวันนี้มาส่งท่าน ก็เสียใจ เหมือนขาดแม่คนนึงไป พูดถึงแล้วก็ยังเศร้า เสียใจตลอดเวลา"

ท็อป : “จริงๆ แล้วเราอยู่ในแผ่นดินของท่าน เรามาตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่9 พอส่งพระพันปีหลวงเราก็ต้องมา จิตเราจะบอกเองว่า มันเป็นการแสดงความกตัญญูต่อท่าน และเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ท่านมีมาตลอดที่เราอยู่ในแผ่นดินของท่าน เราไม่เคยได้รับพลังงานด้านไหนที่ทำร้ายคนไทยเลย มีแต่พลังงานที่ดีงาม เป็นพระเมตตาอย่างสูงสุด ก็อยากจะมาน้อมใจเรา น้อมกายเราส่งท่าน”

ปู : "ตื่นเช้ามาเมื่อวานนี้เป็นวันที่เศร้ามากๆ น้ำตาร่วง เพราะเราเห็นพระราชกรณียกิจของท่านตั้งแต่เราเด็ก ตั้งแต่เราจำความได้เราก็เห็นท่านทรงงานมาตลอดทั้งสองพระองค์ เป็นภาพจำ เป็นสิ่งดีๆ ที่พระองค์ท่านสร้างไว้ให้พวกเรา ก็เสียใจมากๆ"
ท็อป : "เราไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมจะถวายท่าน ความจงรักภักดีมันล้นอยู่ในหัวใจเราอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราจะทำถวายท่านได้ในฐานะคนไทยที่เรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราก็ส่งบุญของเราถวายพระพรให้กับท่าน ส่งท่านไปสู่สวรรคาลัยได้เท่าที่สติปัญญาและความสามารถเราจะพึงทำได้ในฐานะพสกนิกรที่จงรักภักดีอย่างสุดหัวใจ"

ก้อง : "ถึงแม้รถพระบรมศพจะเคลื่อนมาเร็วหรือช้า ก็เป็นโมเมนต์ซึ่งเราอยากจะจดจำความรู้สึกนี้ไว้ในชีวิตนึง ครั้งนึงในชีวิตของพวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากจะจำความรู้สึกตรงนั้นไว้ และอยากจะส่งท่านสู่สวรรคาลัย อยู่บนสวรรค์"
ท็อป : "ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วข่าวของพระองค์ท่านค่อนข้างจะฉุกละหุกมาก เพราะพวกเราไม่เคยได้ยินข่าวของพระองค์ท่านมา 2-3 ปีแล้ว ไม่ได้เห็นภาพ เราคิดถึงพระองค์ท่าน รู้กันอยู่ในใจ ได้แต่เอารูปเก่าๆ ออกมาเวลาครบรอบวันเฉลิมพระชนมพรรษา และพอมารู้ข่าวท่านความรู้สึกแรกเราก็รับได้แหละเรื่องของเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดาของโลก แต่สิ่งที่ทำให้เราย้อนรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระราชกรณียกิจ สิ่งต่างๆ ที่ท่านทำมาโดยตลอดตั้งแต่เราลืมตามาบนโลกใบนี้ เราจะทดแทนท่านได้ยังไง ภาพต่างๆ มันกลับมาโดยเราไม่ต้องมานั่งย้อนดูสารคดีอะไรหรอก มันกลับมาในใจเรา เรารู้อยู่ว่าท่านทำอะไรให้เรา พระเมตตาของท่านแผ่ไพศาล รอยยิ้มของพระ องค์ท่านเป็นความอบอุ่นของคนไทยมาตั้งแต่เราเด็กๆ แต่ก่อนพวกเราไปเข้าเฝ้าตอนขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซื้อตั๋วไปดู เห็นพระ องค์ท่านอยู่กลางน้ำไกลๆ แต่มันอิ่มเอิบในใจ เรารู้ว่าทำไมจิตมันพาให้เราต้องมาวันนี้ เพราะเราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ยังไงเราก็ต้องมา ก็เป็นสิ่งนึงที่คนไทยที่เกิดในแผ่นดินของท่านคงจะรู้สึกไม่ต่างกัน"

ก้อง : "ก้องเองก็ภูมิใจในการที่ได้เกิดเป็นคนไทย และอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ของทั้งสองพระองค์และในหลวงองค์ปัจจุบันรัชกาลที่10 รู้สึกภูมิใจเวลาที่ดูข่าวเห็นพระพันปีเสด็จไปต่างประเทศ และทำให้คนต่างประเทศยอมรับประเทศไทย ได้เห็นความเป็นคนไทย มรดกวัฒนธรรมไทย เอาศิลปวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่ มันคือความภูมิใจที่ทำให้รู้สึกว่านี่คือคนไทย ประเทศไทย สยามประเทศ ซึ่งทุกคนต้องรู้ว่านี่คือมรดกที่เรามี รากเหง้ามา ไม่เหมือนคนอื่น ไม่เหมือนชาติอื่น"
ท็อป : "และที่ภูมิใจที่สุดก็คือเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ในหลวง พระราชินีทรงทำเรื่องพวกนี้แทนเราในยุคที่โลกโซเชียลไม่เคยทำให้คนในโลกนี้ได้รู้จักประเทศไทยดีสักเท่าไหร่ แต่ท่านทำให้คนยอมรับประเทศไทยของเรา ยอมรับคนไทย ยอมรับอารยธรรม วัฒนธรรมของเราที่มีมาอย่างยาวนานและสูงส่ง ให้เราได้ภูมิใจในความเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นบุญคุณอันนี้เราก็ไม่เคยลืม และสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้พวกเราในหัวใจคนไทยทุกคนก็คือความรัก ความเมตตา เพราะฉะนั้นทำไมประเทศไทยถึงเป็นสยามเมืองยิ้ม ทำไมประเทศไทยใครมาก็ประทับใจและรักในน้ำใจความเป็นไทย เพราะว่าเรามีพ่อแม่ของแผ่นดินที่รักและเมตตาพวกเราจนมันกลายเป็นนิสัยคนไทย เพราะเราได้รับความรักจากพระองค์ท่าน เหมือนลูกที่ได้รับความรักจากพ่อแม่เต็มอิ่ม และเราก็มีความรักที่จะเผื่อแผ่ให้คนอื่นด้วย"

ปู : "สิ่งที่อยากจะสานต่อก็คงเป็นเรื่องของผ้าไทย ศูนย์ศิลปาชีพนะคะที่เห็นชัดๆ เลย ท่านอนุรักษ์ผ้าไทยและรับซื้อจากชาวบ้านทั้งหมดเลยนะคะ และนำมาขายในราคาที่ทำให้เราจับต้องได้ และโขนพระราชทาน ความเป็นไทยที่ท่านทรงอนุรักษ์ไว้ ทำให้มันไม่หายไปจากความทรงจำของพวกเรา"
ท็อป : "เราก็จะเป็นพสกนิกรที่ดีนะคะ ถึงแม้พระองค์ท่านทั้งพ่อและแม่ของแผ่นดินเรา ตั้งแต่แผ่นดินในหลวงรัชกาลที่9 ท่านจะจากเราไปแล้ว แต่เราก็จะเป็นพสกนิกรที่ดี (เสียงสั่น) ทำตัวให้ดีเหมือนกับเมื่อวันนึงท่านมองลงมาไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ตาม และแม่ที่เห็นลูกไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง เราจะเป็นคนดีของแผ่นดิน เราจะเป็นคนที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แค่เราทำหน้าที่ของเรา เป็นคนดี เราก็ได้ตอบแทนบุญคุณพระองค์ท่าน ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินแล้ว"

ก้อง : "มรดกที่ท่านทิ้งไว้ให้เรานั่นคือความเป็นคนไทย ความเป็นเอกลัษณ์ มรดก ในทุกแง่ของที่พระองค์ท่านทำไว้ทั้งหมด อยากให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ภูมิใจว่าอันนี้คือมรดกของคนไทย คนไทยไม่เหมือนชาติอื่น และไม่มีชาติอื่นเหมือนเมืองไทย เพราะฉะนั้นภูมิใจไว้เลยนะคะว่าเรามีชาติไทย มีศาสนา เรามีพระมหากษัตริย์ที่เพียบพร้อมทุกๆ อย่าง และทุกครั้งที่พระองค์ท่านยิ้มและพระองค์ท่านทรงเอ่ยถามกับคนอื่น เวลาที่ได้ยินพระสุรเสียง เราก็รู้สึกมีความสุขและปิติ มันมีความสุข เหมือนมีน้ำเย็นมาชโลมใจ มันคือความสุขที่เราได้รับพลังอันดีงามมาอยู่ที่ตัวเรา มันคือความสุขจริงๆ ที่พวกเราได้เล่าถึงพระองค์ท่านนะคะ"

ท็อป : "ก็เป็นความชุ่มเย็น เราเองมีโอกาสตอนนั้นท้องลูกคนแรก ก็ได้ไปกับคณะละครเวทีที่มอบเงินถวายให้พระองค์ท่าน ก็ได้ไปเข้าเฝ้าท่านที่สวนจิตลดา ท่านอยู่บนพระแท่น แต่รอยยิ้มของท่าน พระเมตตาของท่านมันชุ่มชื่นมาถึงหัวใจ มาถึงวันนี้เรายังรู้สึกได้ และได้ไปเข้าเฝ้าตอนที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านไปพักรักษาตัวอยู่ที่พระ ราชวังไกลกังวล เราก็ไปกับกลุ่มเพื่อน และไปดักกันอยู่ตรงที่ท่านจะลงมาจากเขาเต่า ไปหาตรงที่กลางแดดตรงทางรถไฟ ท่านจะได้ชะลอรถ และมีแต่กลุ่มเรา ท่านก็หันมายิ้มให้ ตอนนั้นเราร้องไห้น้ำตาไหล แต่เราไม่เคยลืม พระเมตตาของท่านทำไมถึงได้มีพลังมากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้ค่ะ"
ก้อง : "ก้องมีความรู้สึกว่าแค่เราเปล่งเสียงคำว่าทรงพระเจริญมันมาจากใจ มันคือความรู้สึกที่เรามีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าทรงพระเจริญทุกครั้งค่ะ"





