“เม พรีมายา” เคลียร์ดราม่าลูกนั่งไลฟ์ดึก ลั่นไม่ได้บังคับ โอด! คดีความยืดเยื้ออีกปี
ขึ้นแท่นขวัญใจพี่ป้าน้าอาบนโลกโซเชียล “โซล - โมเน่” ลูก ชายลูกสาวอินฟูลชื่อดัง “เม พรีมายา” แต่ไม่วายเจอดราม่าบังคับลูกไลฟ์ขายของ พร้อมอัพเดทคดีความ
อ่านข่าวต่อ : เมย์ พรีมายา” ควงลูกแฝดออกงาน ปลื้มลูกเป็นที่รักของทุกคน เหมือนมาให้ชีวิตใหม่กับพ่อแม่

“เมเป็นแม่ค้าขายของมานานมากๆ พอเรามีลูกก็เปลี่ยนไลฟ์สไตล์นิดหน่อยให้เราเข้ากับเขา มองว่าก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไลฟ์ดึกอะไรเพียงแต่ว่าตอนนี้โซลโมเน่เขาดัง และเป็นที่จับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทางซ้ายเมก็อาจจะโดนคนนั้นดุ ทางขวาก็อาจจะโดนคนนี้ดุบ้าง ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้างแต่สุดท้ายแล้วเมก็อยากจะบอกว่าการเลี้ยงลูกและข้อจำกัดของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน เมก็ขอความเข้าใจตรงนี้ด้วย และโซลกับโมเน่เป็นเด็กที่ไม่เหมือนกันเลย เมมองว่าลูกสาวเรามีความชอบและสนุกกับตรงนี้ เมไม่เคยไปบังคับว่าเธอต้องนั่งตรงนี้จนกว่าฉันจะไลฟ์เสร็จ เมก็คุยกับเขาไม่รู้เรื่องอย่างที่ทุกคนเห็น เราไม่สามารถสั่งการเด็กได้ แต่น้องเขาสนใจอยากจะมานั่งกับเรา มาแกะของนู่นนี่น้องจะชอบ แต่กลับกันลูกชายเอามานั่งด้วยเท่าไหร่ ให้อยู่ในสายตาเท่าไหร่เขาก็จะเดินออก เด็กจะมีความสนใจไม่เหมือนกัน

ไม่ถึงกับนอยด์ ตัวเมอยู่ตรงนี้ได้รับมุมมองที่แตกต่าง การติชมมาตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่สุดท้ายแล้วเมแค่อยากจะขอความเข้าใจ ขอความเห็นใจคือการเลี้ยงลูกแต่ละบ้านมันไม่เหมือนกันจริงๆ เด็กเขาก็มีความสุขแบบนี้ ชอบแบบนี้ ตัวเราก็ให้ได้แบบนี้ และเมเองก็มีปัญหาเรื่องของธุรกิจด้วย หลายๆ อย่างก็บีบให้เมเลี้ยงลูกไป ทำงานไป มันไม่ได้คล่องตัวเหมือนสมัยก่อน ก็เลยขอความเห็นใจทุกอย่างว่าถ้าลูกเราไม่ชอบเราบังคับไม่ได้อยู่แล้ว แต่เมโชคดีว่าลูกสาวชอบ แล้วถามว่าจะเลิกไลฟ์จะเลิกขายของเลยมั้ยเพื่อหลีกหนีดราม่า มันอาจจะเป็นสิ่งที่หนูทำไม่ได้ เพราะวันนี้ลูกหนูสองคนกำลังจะเข้าโรงเรียน ในท้องอีกหนึ่งเดือนจะคลอด แล้วหนูก็มีปัญหาธุรกิจอีก หนูว่าตอนนี้สิ่งที่หนูเลือกให้ลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดที่หนูกับแซกเลือกทำแล้วจริงๆ

ใกล้จะคลอดแล้ว การไลฟ์ก็คงจะพักสักระยะนึง แต่ตอนที่หนูคลอดโซล โมเน่ หนูก็ทำงานเลย ชีวิตเราก็เลือกอะไรไม่ได้มากมายหรอก ก็ต้องลุกขึ้นมาทำต่อไป ตอนที่คลอดโซลโมเน่ก็เป็นท่ามกลางมรสุมและดราม่าเหมือนกัน เจ็บแผลมากหนูก็ขึ้นรถทำงานเหมือนกัน เพราะลูกออกมาแล้ว ค่าใช้จ่ายก็เยอะแยะมากมาย

ทุกดราม่าที่ผ่านมาก็จะถามตัวเองก่อนว่าอันนี้เรื่องจริงหรือเปล่า และมันเป็นสิ่งที่หนูปรับแก้ได้มั้ย ทำได้มั้ย ถ้าคอมเมนต์ไหน คำติชมไหนที่ปรับปรุงได้และมีประโยชน์กับตัวหนู หนูเก็บมาทุกครั้งจริง ๆ แต่สุดท้ายแล้วมันคือสิ่งที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น ต่อให้หนูย้อนเวลากลับไปได้ มันก็เป็นแบบนี้ เพราะเราไม่ได้มีทางเลือกอะไรมากมายในชีวิตก็พยายามเข้าใจว่ามันไม่สามารถทำให้ทุกคนถูกใจได้ทั้งหมด ก็คุยกับพ่อเขาตลอด แซกก็บอกเมว่าสุดท้ายแล้ววิธีที่เราเลือกให้ลูกไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่มันคือสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกเราแล้ว

อัพเดทคดีในเรื่องที่เราเคลียร์กันมาทั้งปี ศาลนัดอีกทีปลายปีหน้า ส่วนในเรื่องที่เราได้เปิดที่เป็นกระแสมา เราก็ทยอยฟ้อง ตอนนี้ฟ้องไป 3 เรื่องแล้ว ยังเหลืออีก ก็ทยอยไปเรื่อยๆ นัดแรกก็น่าจะเป็นต้นเดือนธันวาคมนี้ ต้องบอกว่าเราพยายามทำเต็มที่ ผมก็คุยกับทนายว่าสิ่งที่แย่ที่สุดของเราคืออะไร เขาก็บอกว่าผมยังไม่เห็นทางไหนเลยที่คุณจะแพ้เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด

เมก็อยากจะย้ำประเด็นนี้ สิ่งที่เมย์พูดออกไปตั้งแต่เกิดดราม่ามา เมช็อกเหมือนกันตั้งแต่ฝั่งอดีตเพื่อนรักของเมได้ออกมาพูด เราเคลียร์กันมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แล้วพอเป็นเรื่องตอนต้นต.ค. พอปลาย ต.ค. เมก็ไปตามนัดที่ศาลอีกรอบนึง ศาลท่านก็ให้เราเลือก 2 ไทม์ไลน์คือปลายปีหน้า ปีกว่าเลยนะ กับปลายปีนี้ คือ ธ.ค. หรือ ม.ค. นี้ ซึ่งหากว่าเขาอยากจะจบเขาควรที่จะเลือกธ.ค. หรือ ม.ค. เขาเป็นโจทก์ หนูเป็นจำเลย แต่เขาเลือกประวิงเวลาไปอีกปีกว่า คือเรื่องนี้หนูก็อยากจะขอความเห็นใจ ขอความอ้อนวอนทั้งตัวเขาและสังคม มันเหมือนจะติดตัวหนูไปอีกปีนึง ทั้งๆ ที่วันนี้การที่หนูเลือกออกมาให้สังคมรับรู้เพราะหนูอยากให้มันจบ หนูอยากออกไปใช้ชีวิต หนูอยากจะออกไปเลี้ยงลูก หนูจะได้มีทางออกใหม่ไปเริ่มธุรกิจ แต่วันนี้สิ่งที่เขาเลือก พอมันเป็นข่าวเสร็จ เขาออกมาให้ข้อมูลที่สำหรับเมคือมันไม่ใช่ความจริงในมุมของเมและเขายังเลือกที่จะไกล่เกลี่ยกับเราปลายปีหน้า แล้วเมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบ มันดูแล้วสิ้นหวังเหมือนกัน แม้แซกจะบอกว่าแซกจะสู้เต็มที่ สิ่งที่เมพูดไปทั้งหมดเมก็ยืนยันจริงๆ ว่ามันคือข้อเท็จจริงความจริงทุกอย่าง

เรียก 100 ล้านหนูว่าเงินไม่ได้อยู่แล้ว ตอนแรกเขาก็ยังไกล่เกลี่ยที่จะให้เรา 30 ล้าน 50 ล้าน 60 ล้าน 80 ล้านมั้ยในตลอดระยะเวลาปีนี้ เขาก็มีไกล่เกลี่ยมาในศาล แต่ตอนนี้คิดว่าสักบาทนึงก็ไม่น่าจะได้ แต่สิ่งที่เราได้มาวันนี้คือการที่สังคมและพี่ๆ สื่อรับฟังหนูมากขึ้น หนูก็คิดว่ามันก็เป็นโอกาสให้หนูได้ทำมาหากินให้หนูได้มีที่ยืนในสังคมจากที่เราเองก็รู้สึกว่าทุกคนตัดสินเราไป แค่ตอนนี้รับฟังข้อเท็จจริงจากหนู มันเป็นอะไรที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว สำหรับเมวันนี้เสียธุรกิจไป 100 ล้าน เสียเสาหลักของบ้านไปแต่เรามีโอกาสทำมาหากินเราเริ่มใหม่ได้”











