ที่ประสิทธิประสาทวิชาความรู้และเป็นครูให้กับนักแสดงเก่งๆ มาหลายคน ท่านถือเป็นอีกหนึ่งยอดคนที่ใครคุ้นเคยและรู้จักก็จะรู้ว่า เป็นคนเช่นไร? เพราะภาพลักษณ์ภายนอกอาจจะดูเป็นคนดุ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ออกจะเป็นลูกขี้เกรงใจสักหน่อย
การจากไปหนนี้ของท่าน ด้วยโรครุมเร้า พร้อมกับการฝากผลงานเด่นๆ ไว้กว่า 100 เรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องทั้งในฐานะนักแสดง- ผู้กํากับฯ ถือว่าเป็นผู้กํากับฝีมือ ดีอีกคนที่ทําละครออกมาทีไรคุณภาพคับแก้วจริงๆ
โดยเฉพาะในแง่ของละครสร้างสรรค์สังคม "เขาชื่อกานต์" ในปี พ.ศ.2531 ก็ทําให้เรียกน้ำตาท่วมจอได้ดีอยู่ไม่น้อย
ซึ่งผลงานที่ทําให้ "อารุจน์" เป็นผู้กํากับและดันจนดาราโด่งดัง คือ "บ้านทรายทอง" ฉบับ จารุณี สุขสวัสดิ์ และ พอเจตน์ แก่นเพชร ในปี พ.ศ.2523 และ "คู่กรรม"
ไม่แปลกหรอก ถ้าหาก "อารุจน์" เป็นผู้กํากับที่มีฝีมือ เพราะก่อนที่จะมาหลงใหลงานด้านนี้ก็ผันตัวเองมาจากการเป็นนักแสดงมาก่อน ซึ่งเมื่อถามแล้วต้องบอกว่าช่วยเกื้อกูลกันอย่างดี ถ้าการแสดงดีเฉียบ ก็ทําให้งานกํากับออกมาดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย
เลยไม่แปลกหากจะบอกว่า "ใหม่ เจริญปุระ"และ"ทราย เจริญปุระ" เป็นคู่พี่น้องที่ฝีมือไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในแง่ของนักแสดงเจ้าบทบาทที่เข้าถึงได้ทุกๆ บทที่เล่น
หลังจากนี้ไปเด็กรุ่นหลังๆ ในแวดวงบันเทิงคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นผลงานของ "บรมครู" ยุคแรกๆ ที่ทําให้วงการภาพยนตร์มีคุณภาพ ไม่ได้ผลิตงานลวกๆ สุกเอาเผากินแบบในปัจจุบันต่อไปแล้ว เขียนไปเล่าไปก็น่าเศร้า แม้จะไม่เคยมีโอกาสได้ใกล้ชิดหรือนําเสนอข่าวสมัยที่อายังแข็งแรง แต่ก็รู้สึกได้ถึง "คนทํางานคุณภาพ" ที่ผลิตงานดีๆ ออกมาให้ผู้ชมได้ติดตาม
โอกาสนี้ กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ดาราเดลี่ และทีมข่าวภาพยนตร์ไทย ขอร่วมไว้อาลัยและขอให้ท่านไปสู่สุขคติ
หมายเหตุ : สําหรับ "บรมครู" อีกคนที่ล่วงลับไปแล้วในแวดวงภาพยนตร์คือ "อาบัณฑิต ฤทธิ์ถกล" ซึ่งท่านนี้ผู้เขียนพอจะได้มีโอกาส ทํางานด้วยถึง 2 เรื่อง จากภาพยนตร์ "สาบเสือที่ลําน้ำกษัตริย์" และ "ชื่อชอบชวนหาเรื่อง" และเรื่องสุดท้าย "อนึ่ง..คิดถึงพอสังเขป" ยังมีโอกาสนั่งสัมภาษณ์กัน ซึ่งจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค. 53 เวลา 17.00 น. ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม ♦