ผลงานเรื่องล่าสุดของ "เจมส์ คาเมรอน" ที่เคยสร้างชื่อเสียงจากภาพยนตร์รักก้องโลก "ไททานิก" เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เมื่อเขาหวนคืนกลับมาประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
"อวตาร" ทำรายได้อย่างท่วมท้นมหาศาลด้วยการกวาดเงินไป 263.9 ล้านบาท (นับถึงวันที่ 24 มกราคม 2553 และรายได้ยังไม่จบโปรแกรม) ทำลายสถิติรายได้สูงสุดตลอดกาล 213.6 ล้านบาทที่ "ไททานิก" เคยทำไว้ในปี 2541 นับเป็นปรากฎการณ์มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่ "ไททานิก" ครองแชมป์มาอย่างยาวนาน 12 ปี โดยไม่มีใครโค่นได้เลย
รายได้เฉพาะกรุงเทพฯ อวตารกวาดไป 225.6 ล้านบาท, เชียงใหม่ 11.4 ล้านบาท, ชลบุรี 3.9 ล้านบาท , ขอนแก่น 3.1 ล้านบาท, ภูเก็ต 1.8 ล้านบาท, นครราชสีมา 1.7 แสนบาท, อุดร 1.2 แสนบาท และรายได้จากจังหวัดอื่นๆอีก 17.7 ล้านบาท รวมเป็นรายได้สุทธิจากทั่วประเทศ 263.9 ล้านบาท
ปรากฏการณ์การครองรายได้อันดับหนึ่งตลอด 6 สัปดาห์ที่เข้าฉาย และหนังยังได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ 2 รางวัลใหญ่ได้แก่ รางวัลภาพยนตร์ (ดราม่า)ยอดเยี่ยม และ ผู้กำกับฯยอดเยี่ยม ส่งผลให้ "อวตาร" กลายเป็นหนังที่ทำลายสถิติทั้งยอดรายได้ คำวิจารณ์ และรางวัลเกียรติยศจากสถาบันรางวัลใหญ่ระดับโลก
ความยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการที่ทำให้ทุกคนกล่าวขวัญถึง "อวตาร" ตลอดความยาวกว่า 2 ชั่วโมง 40 นาที ล้วนแล้วแต่สร้างความสุข ความชื่นชมให้กับคนดูทุกคน ทำให้คาดการณ์ได้ว่า "อวตาร" น่าจะยังเดินหน้าสร้างสถิติรายได้ต่อไป และคาดการณ์กันว่าอาจจะทำรายได้ทะลุถึง 300 ล้านบาทเมื่อจบโปรแกรมก็ได้ ถือเป็นการสร้างแชมป์หนังเทศที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล
คงต้องรอดูว่าจะต้องใช้เวลาอีก 12 ปีหรือไม่ ที่จะมีหนังเรื่องใหม่มาทำลายสถิติเหมือนที่ "อวตาร" ทำด้วยการคว่ำ "ไททานิก" ลงด้วยอัจฉริยะผู้กำกับที่โลกต้องจารึก "เจมส์ คาเมรอน" นั่นเอง ♦