ด้วยการหันมาลุยรายการสาระบันเทิง พร้อมส่งละครและซีรีส์ลงจอในช่วงไพร์มไทม์ 20.20 น. เพื่อตอกย้ำแนวทางของช่องที่เกิดจากความสําเร็จรายการเด็กและเยาวชนที่ครองความนิยม เป็นรายการ ปลอดสารพิษดูได้ทั้งครอบครัว เน้นข่าวตรวจสอบทุจริต พร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคอาเซียน
โดยละครที่เพิ่มเข้ามาในช่วงเวลาไพร์มไทม์ มีถึง 5 เรื่องรวด คือ "ผีเสื้อและดอกไม้" นําแสดงโดย น้องเก้า-จิรายุ "แสงดาวแห่งศรัทธา" นําแสดงโดย ทราย เจริญปุระ และ โจ-จิรายุ "โรงงานสําราญใจ" นําแสดงโดย น้ำหวาน ซาซ่า และ เต้-ปิติศักดิ์ "เขาชื่อกานต์" นําแสดงโดย โบว์ AF5 และ โป๊บ-ธนวรรธน์ และ ส.อ.ว.ห้อง 2 รุ่น 44 นําแสดงโดย นุ้ย-สุจิรา, หมิง-ชาลิสา, กบ-พิมลรัตน์ ฯลฯ
โดยละครเรื่องผีเสื้อและดอกไม้ จะลงผังเป็นเรื่องแรก เริ่มวันที่ 18 ม.ค.53 ทุกวันจันทร์-อังคาร ส่วนในวันพุธและวันพฤหัสบดี จะเป็นซีรีส์จากประเทศสิงคโปร์เรื่อง The Little Nyonya - บ้าบ๋า ย่าหยา รักยิ่งใหญ่จากใจดวงน้อย
นายเทพชัย หย่อง ผู้อํานวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ว่า
"ในปี 53 นี้ เรื่องของรายการเราเพิ่มขึ้นแน่ เนื่องจากเราอยากทํารายการที่เป็นสาระบันเทิงที่เข้าถึงผู้ชมที่กว้างมากขึ้น ใน 2 ปีที่ผ่านมาเราจะให้ความสําคัญในเรื่องข่าว เรื่องสาระมากขึ้น ในปี 53 นี้เป็นปีที่เราอยากจะขยายฐานคนดู ซึ่งจากการสํารวจฐานคนดู ก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลา เรามีหลายรายการที่เข้าถึงคนดูมากขึ้น
40% เป็นรายการข่าว 30% เป็นรายการสาระประโยชน์ และอีก 30% เป็นบันเทิง เรื่องฐานคนดูเราก็มีรายการข่าว รายการสารคดี และรายการเด็ก ซึ่งเป็นรายการที่นําอยู่ ก็หวังว่าละครกับรายการสาระบันเทิงที่เพิ่มเข้ามานี้สามารถที่จะทําให้คนดูเพิ่มมากขึ้น
ถ้าสังเกตให้ดีละครทั้ง 5 เรื่องของเราก็จะมีดาราที่คนรู้จักระดับหนึ่ง เนื้อหาก็จะเป็นแบบที่เข้าถึงคนดูง่าย คือทุกเรื่องที่เป็นละคร หรือเป็นซีรีส์ มันจะตอบโจทย์ของความเป็นสื่อสาธารณะ ตามนโยบายของสถานี เช่น ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประชาธิปไตย์ เรื่องของการส่งเสริมการเคารพความแตกต่าง
ทางด้านวัฒนธรรม หรือการส่งเสริมให้คนเห็นคุณค่าของการเสียสละหรือความเป็นธรรมในสังคม
การที่เราเลือกละครมาลงในช่วงไพร์มไทม์ ก็ถือเป็นทางเลือกมากกว่า เพราะเราน่าจะให้ผู้ชมมีทางเลือกได้ว่าในเวลาอย่างนั้นสิ่งที่เป็นบันเทิงนั้นผู้ชมควรจะมีทางเลือกอะไรบ้าง เราไม่ได้ต้องการแข่งกับใคร แต่คิดว่าเราก็เป็นทางเลือกที่ดี ที่ผ่านมาผู้จัดละครรายใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียงก็ได้มีการคุยกันมา ในอนาคตก็หวังว่าเราจะสามารถผลิตละคร ผลิตรายการบันเทิง ที่มีสาระ ส่วนแนวโน้มที่จะเพิ่มอีกนั้นก็ต้องดูว่าละคร 5 เรื่องแรกของเรากระแสตอบรับจะเป็นอย่างไร เราก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่สําหรับสื่อสาธารณะในการทําละคร
จริงๆ บทบาทของสื่อสาธารณะเราเน้นรายการข่าวในเรื่องของเวลา และปรับรูปแบบของรายการข่าวให้เน้นทางด้านของการวิเคราะห์เจาะลึกให้มากขึ้นและจะลดเรื่องของข่าวกระแสลง จริงๆ เราก็ให้ความสําคัญของข่าวเพื่อนบ้านและข่าวที่เป็นสากลที่คิดว่ามีผลกับประเทศของเรา รูปแบบ นําเสนอข่าวคงจะให้ความสําคัญกับเรื่องเนื้อหาเป็นหลัก มีข่าวที่เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น มีเครื่องไม้เครื่องมือมากขึ้น
ที่ผ่านมาสิ่งที่รายการข่าวของทีวีไทย เรื่องของการโกง เรื่องของการเปิดโปง ทั้งระดับรัฐ เอกชน และท้องถิ่นตลอดเวลา ปีหน้าจะเป็นวาระหลักของกรรมการนโยบายที่อยากจะให้ข่าวประเภทเปิดโปง หรือการกระตุ้นให้สังคมมาสนใจเรื่องของการทุจริตเพราะมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพื่อทําให้ประชาชนรู้สึกว่าการทุจริตมันเป็นปัญหาที่กระทบกับทุกคน
แล้วทุกคนก็มีส่วนในการแก้ไขด้วย ไม่ใช่รอให้สื่อมวลชน หรือรอให้นักวิชาการ หรือรอให้คนออกมาโวยวายเท่านั้นเพราะถึงเวลาแล้วที่คนในสังคมต้องช่วยกัน" ♦